คณะกรรมาธิการน้ำ จับมือเกษตรกรคลองขลุง ขับเคลื่อนทำนาเปียกสลับแห้ง ลดต้นทุน เพิ่มรายได้คาร์บอนเครดิต
คณะกรรมาธิการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ลงพื้นที่ร่วมเสวนาเกษตรกร อ.คลองขลุง วางแผนทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ลดการใช้น้ำ เพิ่มรายได้คาร์บอนเครดิต
วันที่ 30 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมโรงสีสนั่นเมือง ตำบลวังแขม อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร คณะกรรมาธิการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้จัดเวทีเสวนาร่วมกับพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ โดยมีเกษตรกรจาก 4 ตำบลในอำเภอคลองขลุงกว่า 300 คน เข้าร่วม เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาการทำนาและการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
ในการเสวนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายอนันต์ ผลอำนวย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกำแพงเพชร เขต 3 และกรรมาธิการ, นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว, นายสันติ ไชยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองเมล็ดพันธุ์ข้าว, นายธนดล วงษ์ขันธ์ เกษตรจังหวัดกำแพงเพชร, นายจรัน จันทะบุตร ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกำแพงเพชร, และ นายรังสรรค์ สบายเมือง อดีตนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตอบข้อซักถาม และให้ข้อเสนอแนะต่อเกษตรกรโดยตรง
หัวข้อสำคัญที่นำมาพูดคุย คือการส่งเสริม การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง (Alternate Wetting and Drying: AWD) ซึ่งเป็นวิธีการเพาะปลูกที่ช่วย ลดการใช้น้ำ, เพิ่มประสิทธิภาพการปลูกข้าว, และสามารถสร้าง รายได้จากคาร์บอนเครดิต ให้แก่เกษตรกรในอนาคต แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูเพาะปลูก แต่ยังช่วยลดต้นทุน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างรายได้เสริมควบคู่ไปกับการทำการเกษตร
นอกจากนี้ นายพณิช สบายเมือง ผู้ประกอบการโรงสีข้าว ได้กล่าวถึงความสำคัญของ “โครงการโตไปด้วยกันสนั่นเมือง” ซึ่งริเริ่มขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบการจัดการการปลูกข้าวที่ลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพผลผลิต และเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกร โดยได้วางรากฐานให้สามารถนำวิธีการจัดการที่เหมาะสมไปปรับใช้จริงในพื้นที่ของตนเอง เพื่อสร้างความมั่นคงในอาชีพการเกษตรอย่างยั่งยืน
หลังจากเสวนา คณะกรรมาธิการและเกษตรกรได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานที่ แปลงนาสาธิตโครงการโตไปด้วยกันสนั่นเมือง ด้านหลังโรงสีสนั่นเมือง ซึ่งมีการนำแนวทางทำนาเปียกสลับแห้งมาประยุกต์ใช้จริง เกษตรกรที่เข้าร่วมต่างได้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น ต้นข้าวแข็งแรง ลดปริมาณการใช้น้ำลงอย่างมาก แต่ยังได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และสามารถต่อยอดไปสู่การเพิ่มรายได้จากระบบคาร์บอนเครดิต
บรรยากาศการเสวนาเต็มไปด้วยความสนใจจากเกษตรกรที่เข้าร่วม ทุกคำถามและข้อกังวลได้รับการตอบอย่างตรงประเด็นจากผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านเมล็ดพันธุ์ การลดต้นทุนการผลิต การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิต ไปจนถึงการผลักดันเชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐเพื่อสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม
การจัดเวทีในครั้งนี้ ถือเป็น จุดเริ่มต้นสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ผู้ประกอบการ และเกษตรกร เพื่อก้าวสู่การทำเกษตรกรรมสมัยใหม่ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านเศรษฐกิจ แต่ยังสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำ และรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตอีกด้วย.