ปรับตัว…สู้ตลาดชั่วคราว “ตลาดท้องถิ่นไม่แพ้ใคร รักษาฐานลูกค้าได้ด้วยเสน่ห์บ้านเรา”
จังหวัดกำแพงเพชรเตรียมจัด งานประเพณีสารทไทย–กล้วยไข่และของดีเมืองกำแพง งานท่องเที่ยวของจังหวัดที่ทุกคนรอคอย ความคึกคักจะเกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนาน 10 วัน 10 คืน เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมมากมายที่ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเดินเล่น จับจ่าย และเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศใหม่ ๆ

แต่ในอีกมุมหนึ่ง พ่อค้าแม่ค้าในตลาดกลางเมือง ต่างสะท้อนเสียงเดียวกันว่า ยอดขายลดลง ตลาดเงียบ ลูกค้าที่เคยกินข้าวตลาดหันไปใช้เงินกับร้านชั่วคราวในงานมากขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่า การค้าขายในตลาดดั้งเดิมจะได้รับผลกระทบ

ในฐานะที่ผมเป็น “คนติดดิน” กินข้าวตลาด พูดคุยกับแม่ค้าพ่อขายอยู่ทุกวัน ผมเข้าใจและเห็นใจความลำบากของคนค้าขายอย่างแท้จริง สิ่งที่พบคือไม่ใช่เพียงงานกล้วยไข่ที่ทำให้ยอดขายลดลง แต่ก่อนหน้านี้ตลาดก็เงียบอยู่แล้ว เพราะ พฤติกรรมการกินของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไป สั่งอาหารเดลิเวอรี่ผ่านแอปพลิเคชัน เช่น LINE MAN,พวกเขามีทางเลือกมากขึ้น มีร้านอาหารเกิดขึ้นมากมาย อยากลองของแปลกใหม่ หรือกินอาหารแฟชั่นที่ดูหรูหรา ฟังดนตรีสด นั่นคือสิทธิของลูกค้า และไม่อาจไปโทษใครได้
สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่การโทษว่าใครมาแย่งลูกค้า แต่คือการถามตัวเองว่า “ตลาดเราจะปรับตัวอย่างไร” เพราะแม้ รสชาติอาหารจะอร่อยเลิศ แต่ถ้ากินซ้ำ ๆ ทุกวันก็ย่อมเบื่อเป็นธรรมดา ดังนั้นเมื่อมีคู่แข่งเข้ามา 10 วันชั่วคราว เราก็ต้องมี กลยุทธ์สู้กลับ โปรโมชั่น ลดราคา การจัด แพ็กเกจของฝาก หรือแม้แต่การทำให้ บรรยากาศตลาดมีชีวิตชีวา มากขึ้น
ผมพูดในฐานะคนที่อยู่กับตลาดจริง ๆ กินข้าวผัดร้านค้า ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว พูดคุยกับแม่ค้าพ่อขาย ไม่ใช่เพียงวาทกรรมสร้างภาพ แต่เป็นความหวังดีที่อยากเห็นตลาดบ้านเราเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตลาดท้องถิ่นคือรากเหง้า ที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนในชุมชน และไม่มีงานชั่วคราวใดจะมาแทนที่ได้ หากเรามีเสน่ห์ความเป็น “ตลาดบ้านเรา” เอาไว้ได้อย่างเต็มที่
พ่อค้าแม่ค้าในตลาดผ้า ตลาดอาอาหาร สามารถปรับกลยุทธ์ด้วยการจัด โปรโมชั่นที่น่าสนใจ ลดราคาบางรายการ ทำชุดของฝาก หรือจัดกิจกรรมชิมฟรี…เพื่อดึงดูดลูกค้า นอกจากนี้ การทำให้การเดินทางมาที่ตลาดสะดวกขึ้น ก็สำคัญ พื้นที่จอดรถ ต้องช่วยกันปรับปรุง ให้เพียงพอและสะดวกสบาย ไม่ใช่ไปจับจองพื้นที่เอารถไปจอดกันเอง
สิ่งแวดล้อมความสะอาดพร้อมจัดบรรยากาศตลาดให้น่าเดินมากยิ่งขึ้น มีความยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายอย่างเป็นกันเอง ไม่ใช่หน้าบึ้งคิ้วงอ การสร้าง จุดเด่นให้แตกต่างจากร้านในงาน เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่พิเศษ เหมือนครัวอยู่ในบ้าน
การประชาสัมพันธ์ ก็เป็นหัวใจสำคัญ อาจใช้โซเชียลมีเดียช่วยบอกต่อว่าในช่วงงานกล้วยไข่ ตลาดเองก็มีโปรโมชั่นและกิจกรรมพิเศษ หรืออาจร่วมมือกับหน่วยงานที่จัดงานให้มีการเชื่อมโยงระหว่างโซนงานกับตลาด เช่น ป้ายบอกเส้นทาง หรือแม้แต่กิจกรรมเล็ก ๆ ในตลาดเองเพื่อให้บรรยากาศต่อเนื่องกับงานหลัก

ทั้งหมดนี้แม้อาจไม่ทำให้ยอดขายเท่าเดิม แต่ก็ช่วยให้ตลาดยังคงมีลูกค้าเข้ามา และยังรักษาฐานลูกค้าประจำไม่ให้หายไปในช่วงที่มีการแข่งขันสูงแบบนี้ ที่สำคัญคือ พ่อค้าแม่ค้าในตลาดต้องไม่ท้อ เพราะสิ่งที่เรามีคือ ความผูกพันกับลูกค้า ความจริงใจ และความเป็นบ้านเรา ซึ่งร้านชั่วคราวจากที่อื่นไม่มี

วันหนึ่งงานใหญ่ก็จบลง แต่ตลาดยังคงอยู่ ทุกเช้า ทุกเย็น ยังเป็นที่พึ่งของผู้คนในชุมชน และหากเราปรับตัวได้ดี เราอาจไม่เพียงแค่รักษาลูกค้าเก่า แต่ยังสามารถสร้างลูกค้าใหม่จากผู้ที่มาเที่ยวงานแล้วอยากสัมผัส “เสน่ห์ของตลาดท้องถิ่น” ต่อไปด้วย
พิพัฒน์ จงมีความสุข สท.เส่ง “ทีมพัฒนาท้องถิ่น”


