รวบล็อตใหญ่ ยาบ้า 6 ล้านเม็ดมูลค่า 360 ล้านบาท อีกรายยาบ้า 48,600เม็ด มูลค่า 35 ล้านบาท
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16:00 น. พล.ต.ท. กิตติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้เป็นประธานในการแถลงข่าวการจับกุมยาบ้า 2 ราย รายแรก 6 ล้านเม็ด ส่วนรายที่ 2 จำนวน 48,600 เม็ด รวม 6,048,600 เม็ด โดยมี นายชาธิป รุจนเสรี ผวจ.กำแพงเพชร พล.ต.ต. อมรศักดิ์ เกษมศิริ รอง ผบช.ภ.6 พล.ต.ต. โอภาส คงเมือง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร พ.ต.อ. ไพโรจน์ บุญยพาส พ.ต.อ.ชลิต วิริยะไกร รอง ผบก.ภ.จว.กพ. พ.ต.อ.ณัฐศักดิ์ จริยคุณ ผกก.สภ.โกสัมพีนคร นายโชคชัยรักเกื้อ นายอำเภอเมืองกำแพงเพชรนายสราวุธ ภักดี ผอ.ป.ป.ส.ภาค 6 และคณะร่วมการแถลงข่าวจับกุมยาบ้ากว่า 3 ยี่ห้อกว่า 6 ล้านเม็ด ถูกวางเรียงรายเกือบเต็มหน้าที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร
พล.ต.ท. กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภาค.6 กล่าวว่า การ ติดตามจับกุมยาบ้าครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 6 มีนโยบายปราบปรามผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติด ลักลอบลำเลียงยาเสพติด ขนแรงงานต่างด้าว และการกระทำความผิดกฎหมายอื่น
ซึ่งในวันนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร โดยการนำของ พล.ต.ต.โอภาส คงเมือง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร จึงได้บูรณาการภาคีเครือข่ายพร้อมออกแผนปฏิบัติการการตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกันอาชญากรรม ยาเสพติด และแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองของตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร และมอบหมายให้ พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รอง ผบก.ภ.จว.กพ.เป็นหัวชุดปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวต่อเนื่อง
โดยมีผลการปฏิบัติและจับกุมตลอดมา และต่อมา เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ได้มีการจับกุมผู้กระทำผิดได้ 1 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่อื่นเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร โดยจะผ่านในเส้นทางจุดตรวจป้องกันยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร บ้านเกาะรากเสียด อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ซึ่งเวลาประมาณ 00.15 น. ในวันเดียวกัน ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจยาเสพติด ตรวจพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่น ALLADER สีดำ หมายเลขทะเบียน ขน 3297เชียงใหม่ ต้องสงสัยขับขี่เข้าจุดตรวจ จึงแสดงตัวเรียกให้ผู้ขับขี่หยุดรถเข้าทำการตรวจค้น แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่หยุดรถให้ตรวจ และได้ฝ่าฝืนสัญญาณเจ้าพนักงานจราจร เร่งเครื่องหลบหนีผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งไปเส้นทางเข้าเมืองกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้รถยนต์ติดตามอย่างกระชั้นชิด และพยายามเบียดรถของ ผู้ต้องสงสัยเข้าเส้นทางเบี่ยงออกจากสายหลัก ซึ่งเป็นบริเวณจุดกลับรถใต้สะพาน หมู่ 6 ต.นครชุม อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร ซึ่งคนขับรถที่หลบหนีไม่ชำนาญเส้นทาง และเป็นไปตามแผนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจวางไว้ พอเข้าโค้งใต้สะพานรถคันดังกล่าวได้เสียหลักชนตอหม้อสะพานพลิกคว่ำ คนขับติดอยู่ในตัวรถ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายณัฐพล หรือเต็ง ดอกท้อสีไพร อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 9 ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ขับขี่ไว้และทำการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว
จากการตรวจสอบภายในรถดังกล่าว พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 30 กระสอบ กระสอบละ 200,000 เม็ด รวม 6,000,000 เม็ด รวมมูลค่า 360 ล้านบาท โดยมีกระสอบวางซ้อนชนิดไม่มีอะไรปกปิดเต็มภายในเก๋งรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งส่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ในประการที่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโกสัมพีนคร ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา มีคดีที่ติดค้างไม่น้อยกว่า 10 คดี
พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ยังได้กล่าวอีกว่า ต้องขอขื่นชมก่รทำงานของตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งการทำงานเช่นนี้จะสำเร็จก็มี 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกก็คือ ผู้บริหารทุกฝ่ายที่ได้บูรณาการร่วมกันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นท่านผู้ว่าจังหวัดกำแพงเพชร ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงาน ป.ป.ส.ภาค 6 และส่วนที่ 2 ก็เป็นผู้ปฎิบัติที่มีความเข้มแข็งจริงจัง เสียสละ ทุ่มเทในการที่อยากเห็นบ้านเมืองเกิดความสงบสุขประเทศชาติเกิดความมั่นคง แต่อย่างไรก็ดี ปัญหายาเสพติดก็ยังไม่หมดไป ซึ่งยังคงจะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันในการที่จะมุ่งมั่นและเพิ่มความเข้มในการตรวจค้นอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อให้ยาเสพติดของเราลดน้อยและหมดไปในที่สุด
ด้านนายชาธิป รุจนเสรี ผวจ.กำแพงเพชร กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทีมงานตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร และผู้เข้าร่วมที่สามารถสกัดกั้นยาเสพติดในช่วงเวลาที่ติดกัน 2 เหตุการณ์สำคัญ ในเวลาไม่เกิน 1 เดือน ที่เราเพิ่งแถลงข่าวไปเรื่องการสกัดกั้นผู้ที่ขนยาเสพติดจากภาคเหนือมาได้ประมาณ 4,000,000 เม็ด ขณะเดียวกันอีกไม่กี่สัปดาห์ก็ได้ 6,000,000 เม็ด คือขาลงจากภาคเหนือเข้าสู่ภาคกลางหรือปริมณฑลและกรุงเทพมหานคร ในขณะเดียวกันก็จับได้ 4 หมื่นกว่าเม็ดขึ้นไปทางภาคเหนือ ต้องถือว่าในการตั้งด่านจะตั้งเราสามารถสกัดกั้นจับกุม บุคคลเหล่านี้ได้จัดการยาเสพติดได้หากทะลุไปถึงแหล่งที่ไปแพร่กระจายหรือจำหน่ายความเดือดร้อนแก่ลูกหลานเยาวชนตลอดจนพี่น้องประชาชนคนไทย
ส่วนคดีที่ 2 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดตรวจ ยาเสพติดกำลังปฏิบัติหน้าที่ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ (ส่วนล่วงหน้าคัดรถ) ให้สัญญาณว่ามีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น ALTIS สีบรอนด์เงิน หมายเลขทะเบียน ขห 6290 เชียงใหม่ ต้องสงสัยขับขี่เข้าจุดตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเพื่อเรียกทำการตรวจค้น มีผู้โดยสารในรถจำนวน 2 คน มีอาการแสดงพิรุธ จึงได้ทำการตรวจค้นภายในรถ จนพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ซุกซ่อนอยู่ในกระสอบวางอยู่ท้ายรถยนต์คันดังกล่าว จำนวน 48,600 เม็ด รวมมูลค่า 3 ล้านบาท จึงได้แจ้งข้อกล่าวหานายสุเทพ หรือเทพ แก้วคำ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/2หมู่ 6ตำบลปากกาง อำเภอลอง จังหวัดแพร่ ผู้ต้องหาที่ 1 “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” และนายกิจชาดา หรือเจมส์ เตชะ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 6 ตำบลปากกาง อำเภอลอง จังหวัดแพร่ ผู้ต้องหาที่ 2 “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและเป็นผู้ขับขี่รถ (รถยนต์) เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโกสัมพีนคร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ะ