นักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 66 เยี่ยมชมดูงานบริษัท สิงห์โตทอง ไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

วันที่ 22 มกราคม 2567 พลโทสมยศ ฉันทวรลักษณ์ ผู้อำนวยการ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ คณาจารย์และ คณะนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 66 เดินทางราชการ ทางภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 22 – 27 มกราคม 2567 ในวันที่ 22 ได้เดินทางมายังจังหวัดกำแพงเพชร

ได้รับการต้อนรับจาก นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร และหัวหน้าส่วนราชการเป็นจังหวัดแรก ก่อนเดินทางไปจังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดอื่นๆทางภาคเหนือตามกำหนดการ  โดยได้เข้าเยี่ยมชมโรงงาน บริษัทเบียร์ไทย 1991 จำกัด (มหาชน) ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร และช่วงภาคบ่าย ได้เข้าเยี่ยมชมกิจการ บริษัท สิงห์โตทอง ไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ประธานบริษัทฯ นักศึกษา (วปอ.) รุ่นที่ 63   และ นางธัญญา รุ่งชาญชัย นักศึกษา (วปอ.) รุ่นที่ 66 เป็นรุ่นในปัจจุบัน ซึ่งทางบริษัทได้จัดเตรียมห้องประชุมมนต์ธญา ชั้น 3 ของอาคารสิงห์โตทองกรุ๊ป คณะนักศึกษาได้รับ ชมวีดิทัศน์ Presentation บรรยายสรุปกิจการในเครือบริษัทสิงห์โตทองกรุ๊ป  ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 2544  ตำบลธำมรงค์ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร  มีเนื้อที่ 1,200 ไร่

บริษัทในในเครือสิงห์โตทอง กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจข้าวอย่างคครบวงจร ได้รับการรับรองมาตรฐาน  ISO  และ GHP  HACCP สนับสนุน BCG โมเดล ซึ่งมุ่งแก้ไขปัญหามลพิษ เพื่อลดผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน บริษัทกลุ่มสิงห์โตทอง กรุ๊ป มีกำลังการผลิตในการสีแปรรูปข้าวเปลือก เป็นข้าวสาร ได้มากกว่า 4 ,000 ตัน/ต่อวัน และ มีเครื่องอบลดความชื้นข้าวเปลือกกว่า 7,000 ตัน/ต่อวัน และยังมีพื้นที่คลังเก็บสินค้าอีกกว่า 2 แสนตารางเมตร สามารถจัดเก็บสินค้าได้มากกว่า 1 ล้านตัน

ด้านกระบวนการผลิต เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำ  โดยรับซื้อข้าวเปลือกโดยตรงจากเกษตรกร   และ สหกรณ์การเกษตรในทุกพื้นที่  รวมทั้งผู้ประกอบการค้าข้าวทั่วไป  จากนั้นนำข้าวเปลือกสู่กระบวนการอบลดความชื้น หลังจากนั้นจะนำข้าวเปลือก ที่อบแห้งแล้ว เก็บเข้าคลังสินค้า ส่วนหนึ่งจะนำไปสู่กระบวนการสีแปรรูปเป็นข้าวสาร ก่อนส่งออกจำหน่ายภายในประเทศและต่างประเทศ อาทิเช่น ประเทศ ประเทศดูไบ ประเทศฝรั่งเศส สิงคโปร์  และประเทศเคนยาเป็นต้น

ในการแปรรูปข้าวเปลือกให้เป็นข้าวสาร ยังได้ผลผลิตพลอยได้ตามมาอีกมากมายเช่น  ปลายข้าว รำข้าว และ แกลบ ที่นำเข้าสู่อุตสาหกรรมการแปรรูปเป็นอาหารคน และอาหารสัตว์ รวมทั้งเป็นพลังงานในการผลิตไฟฟ้าชีวมวล บริษัทในกลุ่มสิงห์โตทอง กรุ๊ป มียอดจำหน่ายประมาณการรวมกว่า  8,000 ถึง 10,000 ล้านบาทต่อปี

กิจกรรม CSR ของบริษัทในเครือสิงห์โตทองกรุ๊ป คืนทุนตอบแทนสังคม ด้วยการบริจาคช่วยเหลือ ในด้านต่างๆ แก่หน่วยงานภาครัฐ และประชาชน  มอบข้าวสารบรรจุถุง มอบรถบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน มอบเครื่องช่วยหายใจ มอบเครื่องติดตามการทำงานหัวใจ และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ ที่ขาดแคลน พร้อมสร้างห้องผู้ป่วยเพิ่มเติมให้กับโรงพยาบาลกำแพงเพชร ตั้งโรงครัวเคลื่อนที่“ครัวมาดาม“ ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบกับปัญหาโรคระบาดของเชื้อไวรัส  Covid 19  ทั้ง 11 อำเภอ มอบชุดป้องกันเชื้อ PAPR ของ 3 M หน้ากากอนามัยรวมทั้งเจลแอลกอฮอล์ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล รวมทั้งตั้งตู้ปันสุขแบ่งปันให้กับพี่น้องประชาชน  ตลอด 3 ปีที่เชื้อระบาด ในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร สนับสนุนให้เด็ก และเยาวชนได้รับการศึกษา ด้วยการมอบทุนการศึกษา และบริจาคทรัพย์บำรุงสถานศึกษาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา บริจาคทรัพย์สร้างศาลานครชากังราว อาคารสำหรับประชุมสงฆ์ วัดคูยาง (พระอารามหลวง) ก่อสร้างอาคารศาลาธรรมจักรซันเดย์ สำหรับประชาชนผู้ปฏิบัติธรรมวัดพระบรมธาตุ ส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณี กับสำนักงานเหล่ากาชาด จัดงานประเพณีวัฒนธรรม เช่น ประเพณีนบพระ-เล่นเพลง และ ประเพณีสารทไทยกล้วยไข่ และของดีเมืองกำแพง เป็นประจำทุกปี  ในการมีส่วนร่วมทางสังคม บริษัทได้ก่อตั้งทีมฟุตบอล ภายใต้ชื่อสโมสรทีมสิงห์โตเมืองกำแพง เป็นศูนย์รวมภาครัฐและนักธุรกิจภาคเอกชน ที่ร่วมกันใช้กีฬาเป็นเครื่องมือ ในการออกกำลังกาย และยังสร้างความรักความสามัคคี แลกเปลี่ยนความรู้ความคิด และเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบอบ ประชาธิปไตย ในจังหวัดกำแพงเพชร  บริษัทในเครือสิงห์โตทอง กรุ๊ป ยังได้ร่วมกับนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 63 เมื่อเดือนมีนาคมปี พ.ศ 2565 โดยจัดกิจกรรม CSR  เปิดคลินิกการฝึกอบรมฟุตบอลอย่างถูกต้องและเสริมเทคนิคการเล่นฟุตบอลให้แก่เยาวชนในจังหวัดกำแพงเพชร และ มอบเครื่องกีฬา กว่า 700 คน พร้อมมอบอุปกรณ์การศึกษาและสิ่งของจำเป็นให้กับศูนย์ศึกษาเด็กพิเศษจังหวัดกำแพงเพชร

หลังจากเสร็จสิ้นการศึกษาดูงานที่บริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด  คณะ (วปอ.) รุ่นที่ 66 ได้เดินทางไปยังกองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก