ข่าวรอบชากังราวข่าวเด่น

คลี่คลาย…ชาวไร่อ้อยยกเลิกปิดโรงงาน หลังภูมิธรรมสั่งตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาอ้อย-น้ำตาล จบ 1 เดือน

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 ความคืบหน้ากรณีสมาคมชาวไร่ อ้อย กำหนดมาตรการปิดโกดังเก็บน้ำตาลทรายทั่วประเทศที่อยู่ในโรงงานผลิตน้ำตาล โดยเรียกร้องราคาอ้อยที่ตกต่ำในห้วงของสินค้าแพงทำให้ต้นทุนการผลิตอ้อยต้องแบกภาระกลับมานานหลายปีล่าสุด  นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังหารือร่วมกับตัวแทนชาวไร่อ้อย ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รับฟังความเดือดร้อน และข้อกังวลของชาวไร่ กรณีที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ประกาศให้น้ำตาลทรายเข้าสู่บัญชีสินค้าควบคุม ดังนั้น เพื่อหาทางออกให้อยู่ร่วมกันได้ทุกฝ่าย กระทรวงพาณิชย์ จึงตั้งคณะทำงานบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล โดยมีนายยรรยง พวงราช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีอธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงตัวแทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และชาวไร่อ้อย 4 คน รวมเป็นคณะทำงานด้วย“คณะทำงานชุดนี้ ตั้งใจหารือเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับอุตสาหกรรมทั้งระบบ ให้เกิดความยั่งยืน เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ก็ให้เสนอมาให้รัฐบาลพิจารณา ซึ่งสามารถทำได้แม้กระทั่งให้นำน้ำตาลทราบออกจากบัญชีสินค้าควบคุม ก็พร้อมทำ แต่ต้องเป็นทางออกที่เห็นชอบร่วมกันทุกฝ่าย ชาวไร่อ้อย ผู้ผลิตอยู่ได้ ขณะที่ประชาชนต้องไม่เดือดร้อน โดยตั้งเป้าหมายคณะทำงานชุดนี้ต้องหาข้อสรุปทำงานไม่เกิน 1 เดือน ให้ทันกับการเปิดหีบอ้อยช่วงปลายปีนี้ โดยจะประชุมนัดแรกวันที่ 6 พ.ย. นี้”

นายกำธร กิตติโชติทรัพย์ นายกสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7 กาญจนบุรี กล่าวว่า จากการหารือกับ รมว.พาณิชย์ ชาวไร่อ้อยมีความพอใจในแนวทางที่ให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา เจรจาหาทางออกแก้ปัญหาอ้อยและน้ำตาลทรายร่วมกัน ดังนั้น ชาวไร่อ้อยจึงมีความเห็นร่วมกัน ที่จะระงับมาตรการปิดโรงงานผลิตน้ำตาลทั่วประเทศ ในวันที่ 6 พ.ย. 66 ไว้ก่อน เพื่อได้มีเวลาหารือดูแลราคาน้ำตาลและอ้อยร่วมกันอย่างยั่งยืน ซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปก่อนมีการเปิดหีบอ้อย ช่วงปลายเดือน พ.ย. หรือต้นเดือน ธ.ค. นี้

ทั้งนี้ สมาคมฯ ยืนยันว่า แม้ปีนี้ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลจะลดลงจากภาวะภัยแล้ง แต่ยังคงมีปริมาณน้ำตาลทรายเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศแน่นอน ขณะที่ต้นทุนการปลูกอ้อยของเกษตรกรอยู่ที่ตันละ 1,400 บาท ซึ่งเท่ากับราคาน้ำตาลทรายที่ กก.ละ 22 บาท ส่วนการลักลอบส่งออกตามชายแดน ยืนยันทางผู้ผลิตได้มีระบบควบคุมตรวจสอบตั้งแต่ต้นทางอยู่แล้วว่า ขายให้ใคร ปริมาณเท่าไร ซึ่งจะดูแลไม่ให้เกิดการลักลอบได้ระดับหนึ่ง  

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้จัดตั้งสายตรวจพิเศษสินค้าน้ำตาลทราย กระจายออกตรวจสอบศูนย์กระจายสินค้า ของห้างค้าปลีก ค้าส่ง รวมถึงร้านค้าสะดวกซื้อ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อดูแลป้องกันการกำหนดราคาซื้อ ราคาจำหน่าย และกำกับดูแลสินค้าน้ำตาลทรายไม่ให้มีการกักตุน ซึ่งจากการตรวจสอบพบปริมาณน้ำตาลทรายที่จัดเก็บไว้ที่ศูนย์กระจายสินค้า และตรวจสอบบัญชีการ รับเข้าจ่ายออก พบว่า มีการรับเข้าจ่ายออกเป็นปกติ ไม่พบพฤติกรรมการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย สินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค

 สำหรับด้านราคาจำหน่ายปลีก ห้างฯ ยังจำหน่ายปลีกไม่เกินที่กฎหมายกำหนด น้ำตาลทรายขาวธรรมดา กก. 24 บาท น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กก.ละ 25 บาท สำหรับในพื้นที่อื่น ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัด กำกับดูแลตรวจสอบอย่างใกล้ชิดด้วยแล้ว และยังขอเน้นย้ำให้โรงงานผู้ผลิตน้ำตาลทราย จำหน่ายน้ำตาลทรายขาวหน้าโรงงาน ไม่เกิน กก.ละ 19 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ไม่เกิน กก.ละ 20 บาท ผู้ฝ่าฝืนไม่ปิดป้ายแสดงราคา ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ขายเกินราคากฎหมายจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีขายสินค้าสูงเกินสมควร กักตุนสินค้าจำคุก ไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่มาเดลินิวส์ออนไลน์ 

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า