ข่าวรอบชากังราวข่าวอาชญากรรมข่าวเด่นคนเด่น ภูธรดัง

โรงสีใหญ่ แฉ..อคส..ปฏิเสธกองข้าวเน่าไหม้ อ้างเป็นของโรงสี ย้อนแย้งรับเงินประกันภัยไปกว่า 10 ล้านบาท 

วันที่ 16 มีนาคม 2566 จากกรณีผู้ประกอบการโรงสีใหญ่ของจังหวัดกำแพงเพชร แฉ..อคส.ทิ้งข้าวเน่าและขอให้ขนย้ายออกจากพื้นที่บริษัทฯ โดยด่วนพร้อมทวงค่าเช่าคลังสินค้า ที่ อคส.ใช้เก็บรักษาข้าวสารในสต๊อกของรัฐ จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 54/55, ปรัง 55 ,ปี 56 เป็นเงิน 336 ล้านบาทเศษ เกี่ยวกับเรื่องนี้  ผอ. (อคส.) ได้ออกมาชี้แจง โดย อคส.ยังคงสงวนสิทธิ์การเรียกค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการยึดหน่วงหรือการที่โรงสีรายนี้ไม่ยอมส่งข้าวมอบให้แก่ผู้ชนะการประมูลข้าวในสต๊อกในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ชนะการประมูลไม่สามารถขนข้าวออกจากโกดังได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการพิจารณาของศาลพร้อมได้มีการฟ้องร้องค่าเสียหายกับโรงสีใหญ่รายนี้ 3 คดีคือ กรณียึดหน่วง ข้าวที่เหลือจากโครงการปรับปรุงข้าวบรรจุถุงผิดชนิดและข้าวดังกล่าวเกิดไฟไหม้ พร้อมยังอยู่ระหว่างการเรียกค่าเสียหายจากโรงสีอีก 3,640.18 ล้านบาท และกรณีผิดสัญญาจ้างปรับปรุงข้าวถุงรวม 5 สัญญา ค่าเสียหายทั้งสิ้น 6248.55 ล้านบาท

ต่อมาวันนี้ นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ประธานกรรมการ บริษัท สิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ชี้แจงผ่านสื่อมวลชนว่า องค์การคลังสินค้าได้ชี้แจงมาว่าข้าวเน่าเสียที่อยู่หน้าคลังบริษัทสิงห์โตทอง นั้นไม่ใช่ข้าวขององค์การคลังสินค้าแต่อย่างใด เป็นข้าวของโรงสี วันนี้ผมขอนำเรียนชี้แจงในข้อเท็จจริง ที่ท่านผู้อำนวยการได้ชี้แจงไปนั้นคงไม่ถูกต้อง ขอเรียนว่าข้าวที่กองอยู่ด้านหน้าคลังของบริษัท เป็นข้าวขององค์การคลังสินค้าที่ย้ายออกมาจากคลังหลัง A 1   ซึ่งเมื่อปี 2558 เดือนพฤษภาคมนั้น ได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น องค์การคลังสินค้าได้ส่งเจ้าหน้าที่มาคัดแยกข้าวถูกน้ำฉีดเพื่อดับเพลิง ข้าวเปียกน้ำ ได้ขนย้ายออกมามากองไว้อย่างบริเวณหน้าคลังดังกล่าว และองค์การคลังสินค้าได้มีการเปิดประมูลขายข้าวหลัง A1 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อ ปี 2563 ผู้ชนะการประมูลได้ขนย้ายข้าวออกจากไปจำนวนหนึ่งแล้ว คงยังเหลืออยู่ประมาณ 2 พันตัน ที่ผู้ซื้อยังไม่มาขนย้ายออกไป ซึ่งข้าวจำนวนนี้  ก็ยังอยู่ในความดูแลขององค์การคลังสินค้า การที่ผู้อำนวยการองค์การสินค้าโต้แย้งว่าข้าวเน่าจำนวน 2,000 ตัน ที่กองไว้ด้านหน้าคลัง เอ 1 ไม่ใช่ข้าวขององค์การคลังสินค้านั้น

นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัยเผย ข้าวสารจำนวน  2,000 ตันที่กองไว้หน้าคลัง A1 ตามที่องค์การคลังสินค้า อ้างว่าเป็นข้าวผิดชนิดและข้าวเสียหายดังกล่าวเกิดจากไฟไหม้ เป็นของโรงสีนั้น เมื่อปี 2560 องค์การคลังสินค้าก็ได้ทำการเบิกค่าสินไหมทดแทนจากบริษัททิพยประกันภัย ในความเสียหายของข้าวสารที่เกิดไฟไหม้ในสต๊อกสินค้าหลังที่ เอ 1 ตามกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยเลขที่ 1200-108-144385231 ซึ่งบริษัทประกันภัยได้สรุปความเสียหายภายใต้ความคุ้มครองโดยจ่ายค่าสินใหม่ทดแทนให้แก่องค์การคลังสินค้าเป็นเงินจำนวน 10,894,574 บาท

เป็นความเสียหายของสินค้าสต๊อกข้าวเหนียวจำนวน 4,187 กระสอบ จากเหตุเกิดไฟไหม้เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา และเมื่อ วันที่ 25 พฤษจิกายน 2558 องค์การคลังสินค้าได้แต่งตั้งคณะทำงานการควบคุมดูแลการขนย้ายและการคัดแยกข้าวสารคลังสินค้าหลังเอ 1 ดังกล่าว คณะกรรมการดูแลคัดแยกข้าวยังมีข้อเสนอแนะให้ขนย้ายข้าวที่กองอยู่ด้านนอกคลัง ให้นำไปเก็บไว้ในคลังเอ 1 ที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ประมาณ 15,000 กระสอบ หากเป็นข้าวสารของทางโรงสีจริง ทางองค์การคลังสินค้าจะรับค่าสินไหมทดแทนความเสียหายไปได้อย่างไร

และเรื่องนี้ตนเองได้ทำหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฏหมายถึงผู้อำนวยการ ปปช. กำแพงเพชร กรณีองค์การคลังสินค้าได้ย้ายข้าวออกมากองไว้ข้างนอกคลัง ปริมาณ 3,000 – 4,000 ตันตั้งแต่ปี 2558 องค์การคลังสินค้าและเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ต้องดูแลรักษาคุณภาพ ข้าวสารให้คงมีสภาพดีเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่รัฐแต่กลับละเว้นไม่ปฎิบัติหน้าที่ ไม่ได้มีการดูแลรักษาคุณภาพข้าวแต่อย่างใดเป็นระยะเวลากว่าห้าปี ทำให้ข้าวดังกล่าวเน่าเสียซึ่งถือว่าเป็นความเสียหายของรัฐในครั้งนี้เป็นการละเว้นในการปฎิบัติหน้าที่ขององค์การคลังสินค้าและเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้าที่มีหน้าที่ ที่ต้องดูแลรักษาคุณภาพข้าวสารดังกล่าวอีกด้วย

ประกอบกับการตรวจสอบสต๊อกคงเหลือ องค์การคลังสินค้าจะมีการตรวจสอบ ปีละ 2 ครั้งด้วยกัน ถ้าข้าวกองนี้ไม่ใช่ทรัพย์สินขององค์การคลังสินค้า ไฉนจึงมีการตรวจสอบสต๊อกปีละ 2 ครั้ง ตามเอกสารการตรวจสอบสต๊อกสินค้า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 คงเหลือตามบัญชี 16,909 กระสอบ หรือประมาน 2,000 ตัน และมีการตรวจสอบสต๊อก ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2565 จำนวนเหลือยังคงเดิม ในเดือนหน้าปี 2566 องค์การคลังสินค้า จะต้องมาตรวจนับสต๊อกคงเหลือสินค้า ของ อคส.ประจำปี ซึ่งจะตรวจปีละ 2 ครั้ง จึงยืนยันเอกสารได้ว่าข้าวจำนวนนี้เป็นข้าวขององค์การคลังสินค้า

นอกจากนี้ที่ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ออกมาให้ข่าวดังกล่าวกับจำนวนเงินที่ อคส. เรียกร้อง 6 พันกว่าล้านบาทนั้นไม่รู้ว่าเอาตัวเลข ค่าเสียหายมาจากไหน มีอะไรบ้าง ในเบื้องต้นเรื่องนี้ทางบริษัทสิงห์โตทองได้ทำหนังสือปฏิเสธค่าเสียหายไปแล้วเมื่อปี 2562 ว่าไม่ได้เป็นผู้ผิดสัญญาจ้างปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุงจำนวน 5 ฉบับที่ได้ทำไว้กับ อคส. แต่อย่างใด

ทั้งนี้บริษัททำการส่งมอบข้าวสารที่เหลือจากการปรับปรุงบรรจุถุงคืนให้แก่ อคส.ครบถ้วนตามบัญชี เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2557 รายละเอียดตามหนังสือบริษัท ที่STTขถ.12/2557 ลว.3 กันยายน 2557 และ องค์การคลังสินค้าก็ได้รับทราบยืนยันตัวเลข มียอดที่ตรงกัน และตนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากสัญญาฝากเก็บรักษาข้าวสาร ปี 56/57 เป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท และองค์การคลังสินค้าก็ได้ฟ้องแย้งซึ่งปัจจุบันเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า