ตำรวจขยายผลอายัดบัญชีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เตรียมออกหมายจับจำนวน 4 คน
ตำรวจขยายผลอายัดบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกให้สาวร้านเสริมความงามโอนเงินไปเกือบ 3 แสนบาทเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ตำรวจอยู่ระหว่างกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมออกหมายจับจำนวน 4 คน
วันที่ 28 เมษายน 2561 เวลา 11.30 น.ผู้สื่อข่าวได้ไปติดตามความคืบหน้าคดีคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์มายัดเยียดข้อหาฟอกเงินให้กับลูกจ้างสาวร้านเสริมความงามในจังหวัดกำแพงเพชร โดยขอให้แสดงความบริสุทธิ์ใจที่ไม่เกี่ยวข้องกับพัสดุที่จะส่งไปประเทศจีน โดยมีพฤติกรรมใช้กลลวงว่ามีเอกสารต้องห้ามมีชื่อส่งพัสดุไปยัง ปลายทาง แห่งหนึ่งในประเทศจีนโดยมีชื่อผู้รับปลายทางชื่อว่า นายฮงเหว่ย ไท่จิง แต่ภายในกล่องพัสดุนั้นมีสิ่งของต้องห้ามประกอบไปด้วยพาสปอร์ตจำนวนแปดเล่มเอทีเอ็มจำนวน 10 ใบ ซุกซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าจำนวน 9 ชุด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีกลางแล้วจะรีบโอนกลับมาให้ เพื่อตรวจสอบว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงิน ทั้งยังแสดงความน่าเชื่อถือให้พวกเดียวกันในแก๊งหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูเก็ต จึงได้หลงกลโอนเงินให้ไป 3 ครั้งรวมทั้งสิ้นจำนวน 269,225 บาท โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา
และในช่วงสายของวันนี้ ร.ต.อ.วิโรจน์ กันทมารา พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร ได้สอบสวนผู้เสียหาย นางสายชล สุขทรัพย์ อายุ 42 ปีอยู่บ้านเลขที่ 64 / 1 หมู่ที่ 11 ตำบลทรงธรรม อำเภอเมืองจังหวัดกำแพงเพชร เพิ่มเติมเนื่องจากว่าสั่งชุดสืบสวนได้ขยายผลการโอนเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และได้ทำการอายัดบัญชีของผู้เกี่ยวข้องขณะนี้จำนวน 4 รายประกอบด้วย บัญชีธนาคารของ นางสาวกัญญาพัชร สุขเกษม ซึ่งเป็นบัญชีแรกที่เหยื่อสาวได้โอนเงินไปให้รวมทั้งหมด 3 ครั้ง ต่อจากนั้นเงินในบัญชีดังกล่าวได้ถูกโอนย้ายไปยังบัญชีอีก 3 คน ใช้บัญชีธนาคารกสิกรไทย ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ประสานทางธนาคารและได้ทำการอายัดบัญชีไว้เพื่อตรวจสอบแล้ว
สำหรับความคืบหน้าของคดีนี้ได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รอง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร ในคดีนี้มีผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูเก็ต และอ้างว่าเหยื่อนั้นมีความผิดทางกฎหมาย ปปง.จำเป็นต้องตรวจสอบทางการเงิน ถ้าไม่เชื่อแล้วโอนเงินไปให้ โดยโอนเงินครั้งแรก 1 แสนบาทครั้งที่ 2 อีก 1 แสนบาทและครั้งที่ 3 อีก 6 หมื่นกว่าบาทรวมเป็นเงินเกือบ 3 แสนบาท ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ได้เร่งสอบสวนปากคำพยานและอายัดเงิน ในบัญชีแรกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขยายผลปลายอายัดเงินในบัญชีต่อมาอีกจำนวน 3 บัญชี รวมเป็นมีผู้ต้องสงสัยอยู่ในคดีนี้จำนวน 4 คน โดยกองกำกับการสืบสวนซึ่งเป็นคณะทำงานของคดีทางเทคโนโลยี ได้ทำการขยายผลไปถึงผู้กระทำผิดว่ามีใครบ้างซึ่งขณะนี้ กำลังดำเนินการต่อถึงบัญชีต่อไปว่ามีบัญชีโอนไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุแถว 3 หรือไม่ จะได้ก็จะออกหมายเรียกหากไม่มาตามหมายเรียกก็จะออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับผู้เสียหายในคดีนี้ได้กล่าวถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีความรวดเร็วหลังจากแจ้งความและมีการสอบสวนขยายผลไปสู่ผู้ร่วมขบวนการและสามารถอายัดบัญชีไว้ได้ขณะนี้รู้สึกสบายใจขึ้น และขอฝากให้เป็นอุทาหรณ์เตือนภัย สำหรับประชาชนทั่วไปได้รับทราบอย่าได้หลงเชื่อใครทางโทรศัพท์อย่างเด็ดขาด เบื้องต้นขณะนี้จะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินส่งลูกเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเงินที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปเป็นทุนสำหรับการศึกษาของลูกและเป็นความหวังในอนาคตของตนจึงเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายมากที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์นี้