ตร.แจ้งข้อหาลักทรัพย์เจ้าบ่าวสาว หลังฉกเงินล้านที่เช่ามาแต่งงานคืนบริษัทเสียค่าเช่า4หมื่น
ตำรวจแจ้งข้อหานางสาวแพรมเจ้าบ่าวที่ขนเงิน1ล้านมาแต่งสาวที่กำแพงเพชร ก่อนหอบเงินกลับ ฝ่ายพ่อแม่เจ้าสาวไม่เจอสินสอดแจ้งตำรวจดำเนินคดี ที่แท้เจ้าบ่าวเช่าเงินมาเสียค่าเช่า 4หมื่น อดีตกำนันพ่อเจ้าสาวเอาเรื่องให้ดำเนินคดี ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางวัน
วันที่ 31 มีนาคม2565 จากกรณี คู่บ่าวสาวเป็นสตรีทั้งคู่เข้าพิธีมงคลสมรสมีสินสอดทองมั่นจำนวนหนึ่งล้านบาทหายไป หลังแต่งงานเสร็จแม่เจ้าสาวโร่แจ้งตำรวจว่าเงินสินสอดหายเกี่ยวกับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยเพ่งเล็งไปที่ช่างภาพที่ถ่ายภาพในงานแต่ง
คดีนี้ ร.ต.อ.ชลากร ก้อนคำ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรทรงธรรม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากพ่อแม่ของเจ้าสาวชาวตำบลทรงธรรมว่า เงินสินสอดจำนวน 1 ล้านบาทได้หายไปจากห้องที่บ้านหลังจากแต่งงานลูกสาวเสร็จแล้ว โดยเพ่งเล็งไปที่ช่างภาพ ซึ่งต่อมาช่างภาพก็ได้เดินทางมาพบและแสดงความบริสุทธิ์ใจและพร้อมให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกอย่างเนื่องจากตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องและมั่นใจภาพถ่ายที่ถ่ายภายในงานแต่งจะเป็นหลักฐานให้อย่างดี
ในวันนี้นางสาวแพรม ได้เดินทางมาจาก จ.สระแก้วพบกับเจ้าสาวพบพนักงานสอนสถานีตำรวจภูธรทรงธรรมเพื่อรับทราบข้อกล่าวคดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางวัน หลังจากสอบเสร็จได้ปล่อยตัวให้กลับบ้านไปก่อนเนื่องจากวันนี้ทำสำนวนคดีส่งศาลไม่ทันและผู้ต้องหาได้มามอบตัวไม่ได้คิดหลบหนี ก่อนที่คู่บ่าวสาวจะรีบหลบนักข่าวและออกจากโรงพักไป
คดีนี้ พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชรเปิดเผยแนวทางการสืบสวนทางตำรวจได้พยานวัตถุที่ช่างภาพถ่ายไว้จำนวนมากสามารถไล่ติดตามได้ว่าใครเป็นใครอย่างไรได้อย่างชัดเจนนอกจากนี้ยังมีเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวและได้การใช้โทรศัพท์และตรวจพบว่า กุญแจที่ไขเข้าออกห้องดังกล่าวนั้นมีเพียงเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเท่านั้นที่ถือครองอยู่หลังจากที่พ่อแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวรับเงินสินสอดซึ่งเป็นธนบัตรห่ออยู่ในพลาสติกใสแต่ยังไม่ได้นับแต่ได้เขียนระบุว่ามีจำนวนหนึ่งล้านบาท เสร็จแล้วก็นำเข้าไปเก็บไว้ในห้องหักและมีเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้น พยานหลักฐานมัดตัวเองตลอด บ้านที่จัดงานแต่งก็เป็นบ้านอดีตกำนันซึ่งมีแต่คนเกรงใจ แขกที่เชิญมาก็เป็นฝ่ายของเจ้าสาวทางนั้นเจ้าบ่าวก็มาในส่วนของเจ้าบ่าว
ทาง เจ้าบ่าวได้ไปชอบเงินจากบริษัทที่กรุงเทพมาจำนวนหนึ่งล้านบาทเสียค่าเช่าจำนวน 4 หมื่นบาท ทางพ่อแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่รู้เรื่องด้วยเลยและเจ้าสาวก็ไม่รู้เรื่องนี้การกระทำแบบนี้ตอนแรกคิดว่าเจ้าสาวจะร่วมด้วยถึงแม้เจ้าสาวร่วมด้วยกฏหมายก็ไม่เอาผิดถ้าพ่อไม่ดำเนินคดี แต่วันนี้เรียกพ่อมาแล้วเป็นอดีตกำนันถามว่าจะดำเนินคดีกับลูกไหมเค้ายืนยันว่าลูกไม่ผิดส่วนเจ้าบ่าวแฟนของลูกเค้าอยากให้ดำเนินคดีเพราะเราไม่รู้เรื่องด้วยที่ไปเข่าเงินมาจำนวนหนึ่งล้านบาท ซึ่งการให้ถ้อยคำของฝ่ายเจ้าบ่าวยอมรับว่าผิดเองและมีคนมาคุมเงินเช่าในครั้งนี้ด้วยหลังจากแต่งงานเสร็จก็ไขกุญแจ นำเงินส่งให้กับคนคุมเงินกลับไปโดยที่ฝ่ายเจ้าสาวก็ไม่รู้เรื่องด้วยโดยยินดีให้การรับสารภาพและยอมรับผิด
ส่วนช่วงไขกุญแจนั้นเป็นช่วงที่ทำพิธีเสร็จแล้วไฟล์แม่เจ้าสาวได้แบบเงินเข้าห้องหลังจากนั้นก็ได้เข้าไปและนำเงินส่งให้กับคนคุมเงิน อย่างไรก็ตามกรรมสิทธิ์ในสินสอดทองมั่นเป็นของเจ้าสาวตามกฏหมายฉะนั้นสินสอดจะต้องตกเป็นของพ่อตากับแม่ยายส่วนพ่อตาแม่ยายจะคืนให้ทั้งหมดหรือไม่คืนให้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อแม่ยายนำเงินสินสอดเข้าไปเก็บในห้องคนอื่นมาเอาก็จะถือเป็น เป็นความผิดฐานลักทรัพย์