รองผู้ว่าฯ นายกเทศมนตรีฯ ติดตามประเมินเหตุเพลิงไหม้ ย้ำบ้านทุกหลังตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้ปลอดภัย
เช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 หน่วยงานราชการได้ติดตามเหตุเพลิงไหม้ประกอบด้วย นายบุญช่วย หอมยามเย็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นายชัยวัฒน์ ศุภอรรถพานิช นายกเทศมนตรีเมืองกำแพงเพชร นายสุวิทย์ สันตติวงศ์ไชย ปลัดจังหวัดฯ 
หน่วยงานปกครองอำเภอเมืองกำแพงเพชร หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกำแพงเพชร ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 8 กำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ตำรจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุอาคารพาณิชย์ 2 คูหา เลขที่ 252 / 647 ถนนเจริญสุข ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด ชื่อ ร้านไทยกันเอง เป็นร้านของ นายนิธิพัฒน์ ธนรัตน์ไพศาล อายุ 60 ปี ขณะเกิดเหตุช่วงเวลาหลัง 02.00 น.ไม่มีใครพักอาศัยอยู่ในอาคารดังกล่าวเนื่องจากเป็นร้านจำหน่ายสินค้าและเก็บสินค้า หลังปิดให้บริการจำหน่ายสินค้าต่างก็กลับไปพักผ่อนยังบ้านพักภายในร้านจึงไม่มีคนพักอาศัยอยู่
ส่วนสินค้าภายในร้านเป็นสินค้าจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด ที่ชาวบ้านใช้ทั้งการประกอบอาชีพทำการประมงหรือการก่อสร้างต่างๆ จึงมีสินค้าที่เป็นพลาสติกและวัสดุไวไฟ นอกจากนี้ยังมีแก๊สกระป๋องสำหรับปิกนิกและไฟแช็คเป็นสินค้าที่สั่งมาเก็บสต๊อกไว้ที่ชั้น 2 ด้านหลังของอาคาร และจุดที่ไฟไหม้หนักก็จะเป็นที่เก็บวัสดุเช่นเสื่อน้ำมันหรือเชือกไนลอนต่างๆล้วนแล้วแต่เป็นวัสดุไวไฟและเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี 
สำหรับช่วงเวลาที่เกิดเหตุเบื้องต้นก็มีข้อมูลจากหลายฝ่ายว่าได้กลิ่นควันบ้าง ผู้อาศัยอยู่ตึกที่อยู่ติดกันก็รู้สึกว่าแอร์ไม่เย็นอากาศมีความร้อน หรือผู้ที่ผ่านไปมาแวะร้านสะดวกซื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ก็ดีเห็นกลุ่มควันจากตัวอาคาร นอกจากนี้ยังได้ยินเสียงดังที่ด้านหลังของตึก จึงเป็นที่มาของการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้รับทราบ และเดินทางมาประเมินสถานการณ์
รวมทั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกำแพงเพชร ได้เดินทางมาตัดกระแสไฟฟ้า ส่วนรถดับเพลิง เตรียมพร้อมทั้งรถน้ำสนับสนุนและท่อน้ำแดงตามริมฟุตบาท หลังจากต่อท่อเชื่อมกันเสร็จแล้วก็ได้เริ่มดำเนินการในการดับเพลิง ซึ่งเพลิงได้ไหม้อยู่ภายในตัวอาคารและพบอุปสรรคซึ้งค์อลูมิเนียมที่ทำเป็นแผ่นป้ายขนาดใหญ่ปิดบังอยู่หน้าร้าน ไม่สามารถฉีดน้ำเข้าไปได้และที่ด้านหลังของตัวอาคารเป็นลานจอดรถ จึงทำให้รถดับเพลิงหลายคันเข้าพื้นที่ได้และได้ทุบผนังตึกเปิดช่องทางให้สามารถฉีดน้ำเข้าไปสกัดไฟที่อยู่ภายในตัวตึกได้
เบื้องต้นไฟได้ลุกไหม้ข้างในอย่างรุนแรง เป็นกองเพลิงขนาดใหญ่ หลังจากใช้เวลาในการฉีดสกัดอยู่นานนับชั่วโมงเพลิงก็ยังลุกโหมอยู่ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 8 กำแพงเพชร ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุและสนับสนุนติดตั้งอุปกรณ์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นรถกระเช้าหลังจากติดตั้งเสร็จแล้วก็ได้ยกกระเช้าขึ้นไปและทำการระดมฉีดทั้งน้ำและโฟมเข้าไปในกองเพลิงที่อยู่ภายในตัวอาคารด้านหน้า ซึ่งขณะนั้นซิงค์อลูมิเนียมถูกไฟเผาไหม้จนเปิดเป็นช่องทาง ทำให้สามารถควบคุมเพลิงได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งช่วงปฏิบัติการเป็นช่วงเวลา 03.00 น หลังจากควบคุมเพลิงที่ชั้น 2 และชั้น 3 ได้แล้ว ปรากฏว่าในช่วงเช้าที่ชั้นล่างไฟยังไหม้ถึงนั้นก็เกิดลุกไหม้อีกครั้งลุกลามไปที่ชั้น 2 และชั้น 3 ซึ่งควบคุมเพลิงได้ให้สงบอีกครั้งเวลาประมาณ 10:00 น ของเช้าวันนี้
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ยังคงเฝ้าเกาะติดสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะภายในตัวอาคารยังคงมีกลุ่มควันและไฟบางจุดลุกไหม้ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปในตัวอาคารได้ เนื่องจากถูกไฟเผาไม่นานหลายชั่วโมง และมีสต๊อกสินค้าปริมาณมากซึ่งมีน้ำหนัก ด้านการปฏิบัติงานตามยุทธวิธีเพื่อความปลอดภัยตึกจะถล่มลงมาได้ จึงได้แต่ควบคุมเพลิงอยู่ในด้านนอกไม่ให้ลุกลามไปยังอาคารข้างเคียง
ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังคงปิดการจราจรถนนเจริญสุข บริเวณที่เกิดเหตุโดยมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยสว่างกำแพงเพชรธรรมสถาน ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจร และห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่เขตไฟไหม้เนื่องจากจะเกิดอันตรายจากกลุ่มควันพิษและตึกจะถล่มลงมาได้ ส่วนสาเหตุรอให้เพลิงสงบทางเจ้าหน้าที่จะกั้นบริเวณและกองพิสูจน์หลักจะเข้าดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
เทศบาลเมืองกำแพงเพชร ได้ประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องชาวเทศบาลเมืองกำแพงเพชรและพี่น้องประชาชนใกล้เคียงได้ตรวจสอบระมัดระวังจุดเสี่ยงเกิดเหตุเพลิงไหม้ มั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าปลั๊กไฟต่างๆปลั๊กพ่วงที่ไม่พร้อมใช้งานหรือเสื่อมสภาพ ซึ่งเราอาจไม่ทันสังเกตเห็นสายไฟต้องไม่มีรอยฉีกขาด บิดเบี้ยว ตัวอุปกรณ์ต้องไม่แตกหัก ร้าว รวมทั้งเตาแก๊สและการจุดธูปจุดเทียน ให้ความรู้กับคนในครอบครัวเกี่ยวกับการใช้งานปลั๊กพ่วงอย่างถูกวิธี ซึ่งเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้จะเป็นอุทาหรณ์บทเรียนให้เราได้เตรียมพร้อมรับมือและป้องกันอัคคีภัยอาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะและเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงตามมา / ทีมข่าวภาคสนาม kppnews
