ศึกเลือกตั้งรอบ 8 ปี อบต.64 แห่ง กำแพงเพชร คึกคัก..จับตาร้องเรียน ถูกตัดสิทธิ์ก็เพียบ
ศึกเลือกตั้ง อบต.ทั่วประเทศ 5,300 แห่ง หย่อนบัตรในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ จังหวัดกำแพงเพชร 64 แห่ง โดยเปิดรับสมัคร ผู้สมัครนายกและสมาชิกวันที่ 11 ถึงวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้สมัครชิงนายก 119 รายและสมาชิก อบต 1,631 รายรวมทั้งสิ้น 1,750 ราย
ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของการเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะเป็นการเลือกตั้งในรอบ 8 ปี เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นที่มีความคึกคักเพราะการเลือกตั้ง อบต.ถือเป็นการเลือกตั้งที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ผู้สมัครที่ขันอาสามารับใช้ล้วนแล้วแต่เป็นประชาชนผู้คนที่อยู่ในหมู่บ้าน จึงมีทั้งผู้สมัครลงชิงทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ เกิดขึ้นจำนวนมาก และการเลือกตั้งในครั้งนี้ต่างจากครั้งที่ผ่านมา ที่ 1 หมู่บ้านจะมี อบต.ได้เพียงคนเดียว จากเดิม 2 คน ปรากฏการณ์ของการลงสมัครจึงมีทั้งอดีตแชมป์ที่ขอลาวงการไปเอง เนื่องจากเป็นมาแล้วหลายสมัยหรือมีอายุมากแล้ว หรือบางคนก็รู้สึกเต็มอิ่มกับทางการเมือง จึงเปิดโอกาสให้ผู้มีความรู้ความสามารถหน้าใหม่และเข้ามาบริหารบ้าง
ส่วนทางด้าน นายก อบต.ขณะนี้ล้วนแล้วแต่มีแชมป์เก่าที่พึ่งพ้นวาระและดูจะมีความพร้อมของทีมและเอกสารมากกว่าผู้สมัครหน้าใหม่ ส่วนใหญ่จึงพาเหรดเดินทางไปสมัครก่อน และได้เบอร์ 1 ไปหาเสียง และเบอร์ที่ 2 ที่ 3 ที่ตามมาก็มีทั้งผู้สมัครและใหม่และอดีตนายกเพิ่งจะตัดสินใจลงสมัครก่อนสิ้นสุดวันสมัครวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากหน้าใหม่แล้ว คู่ปรับเก่าก็ยังลงแข่งขันกันเหมือนเดิม ที่น่าจับตามองอีกมิติก็คือ เคยอยู่ด้วยกันมาแต่แยกทีมเพื่อแย่งชิงเป้าหมายที่มีเก้าอี้ให้นั่งเพียงเดียวเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวได้ตระเวนพบเห็นผู้สมัครนายกตั้งป้ายหาเสียงกันแล้วนอกจากนี้ยังมีผู้สมัครอีกหลายเบอร์นำป้ายมาตั้งต่อแถวติดกัน และบาง อบต.ผู้สมัครชิงนายกก็ไม่มีคู่แข่ง ส่วนกลุ่มที่มีทีมก็จะตั้งป้ายห่างกันไป ล่าสุดก็มีหลายเขตเลือกตั้งที่มีการทำลายป้ายกันแล้ว และนอกจากนี้ ยังคงมีผู้สมัครที่ยังขาดความเข้าใจทางด้านข้อกฎหมาย จึงทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือ กกต.จังหวัดต้องตอบคำถามทางด้านข้อกฎหมายให้กับผู้สมัคร ที่ทยอยมาขอความกระจ่างทางด้านข้อกฎหมายไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งต้องบอกว่าการเลือกตั้ง อบต.เป็นการเลือกตั้งที่อยู่ในชุมชนท้องถิ่น ผู้สมัครรับสมัครเลือกตั้ง จึงเป็นชาวบ้านที่มีความหลากหลาย และหลายท่านก็ต้องคดีความข้อกฎหมายมีความผิดคดีทางอาญาที่มีความผิดติดตัว คดีเล็กบ้างใหญ่บ้าง ในจำนวนผู้สมัครทั้งหมด 1,750 ราย ของการเลือกตั้งชิงนายก อบต.และสมาชิก อบต.ในครั้งนี้ จึงมีผู้สมัครที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ด้วยกันจำนวนหลักสิบถึงร้อยราย เพราะไม่ทราบและไม่ตรวจสอบก่อนว่าตนเองนั้น ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครหรือไม่ เมื่อสมัครแล้วถูกตัดสิทธิ์ยังต้องมีคดีติดตัวซ้ำไปให้ช้ำเข้าไปอีก
ต้องบอกว่าถ้าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามจะมีโทษหนักเลยทีเดียว ซึ่งการสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้ว่าตนเองขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัคร มีโทษตามมาตรา 120 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
ส่วนรายละเอียดของประกาศและแผ่นป้ายหาเสียง ผู้สมัครสามารถระบุชื่อ รูปถ่าย หมายเลขประจำตัวผู้สมัคร ชื่อของพรรคการเมือง สัญลักษณ์ของพรรคการเมือง สัญลักษณ์ นโยบายของผู้สมัคร คติพจน์ คำขวัญ ข้อมูลประวัติเฉพาะที่เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร พร้อมระบุชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่ของผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต จำนวน และวันเดือนปีที่ผลิตไว้บริเวณที่เห็นได้ชัดเจนของประกาศเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งและแผ่นป้ายเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง
ในกรณีนำข้อมูลเกี่ยวกับพรรคการเมือง หรือนำภาพบุคคลมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง จะต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลหรือพรรคการเมืองนั้นๆ และไม่ขัดต่อมาตรา 34 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 และอาจนำภาพผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งด้วยได้ โดยการกำหนดจำนวน หลักเกณฑ์ วิธีการ และสถานที่ปิดประกาศ หรือติดแผ่นป้ายในแต่ละ อบต.ให้เป็นไปตามประกาศที่ กกต.ประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกาศกำหนด
อย่างไรก็ตาม การปิดประกาศหรือติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งจะกระทำได้เฉพาะในสถานที่ราชการ และต้องมีขนาด จำนวนไม่เกินที่ กกต. หรือผู้ที่ กกต.มอบหมายกำหนด หากฝ่าฝืนระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 132 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562
สภาองค์การบริหารส่วนตำบล ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เขตเลือกตั้งละ 1 คน โดยกำหนดเขตหมู่บ้านเป็นเขตเลือกตั้ง เว้นแต่หมู่บ้านใดมีราษฎรไม่ถึง 25 คน ให้รวมหมู่บ้านนั้นกับหมู่บ้านที่มีพื้นที่ติดต่อกัน และรวมกันแล้วมีราษฎรถึง 25 คน เป็นเขตเลือกตั้งเดียวกัน อายุของสภาองค์การบริหารส่วนตำบล มีกำหนดคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง หาก อบต.ใดมีเขตเลือกตั้งไม่ถึง 6 เขตเลือกตั้ง (หมู่บ้าน) ให้สภาองค์การบริหารส่วนตำบลนั้น ประกอบด้วยสมาชิก (ส.อบต.) จำนวน 6 คน โดย-ถ้ามี 1 เขตเลือกตั้ง ให้มี ส.อบต. 6 คน – ถ้ามี 2 เขตเลือกตั้ง ให้มี ส.อบต.ได้เขตเลือกตั้งละ 3 คน – ถ้ามี 3 เขตเลือกตั้ง ให้มี ส.อบต.ได้เขตเลือกตั้งละ 2 คน – ถ้ามี 4 เขตเลือกตั้ง ให้มี ส.อบต.ได้เขตเลือกตั้งละ 1 คนก่อน แล้วเพิ่มให้เขตเลือกตั้งที่มีจำนวนราษฎรมากที่สุด 2 เขตเลือกตั้งแรก เขตเลือกตั้งละ 1 คน – ถ้ามี 5 เขตเลือกตั้ง ให้มี ส.อบต.ได้เขตเลือกตั้งละ 1 คน และเพิ่มให้เขตเลือกตั้งที่มีจำนวนราษฎรมากที่สุดอีก 1 คน
และกำหนดให้มีนายกองค์การบริหารส่วนตำบลที่มาจากการเลือกตั้ง จำนวน 1 คน โดยใช้เขตตำบลเป็นเขตเลือกตั้ง มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปีนับแต่วันเลือกตั้ง แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้ ในกรณีดำรงตำแหน่งไม่ครบ 4 ปี ก็ให้ถือว่าเป็น 1 วาระ และเมื่อได้ดำรงตำแหน่ง 2 วาระติดต่อกันแล้วจะดำรงตำแหน่งได้อีกเมื่อพ้นระยะเวลา 4 ปีนับแต่วันพ้นตำแหน่ง