ผู้การฯโชว์ จับเดนคุกปากแข็งโจรกรรมไป กว่า 5.5 แสน อ้างไม่ได้นับ เหลือ 9 หมื่น
จับได้แล้ว โจร 5 แสน 5 หมื่นบาท ได้คืนแค่ 9 หมื่น ออกจากคุกก่อเหตุทันที แถมยังสวมบทโจรปากแข็ง ไม่ยอดเปิดปากเอาเงินที่ไปซุกที่ไหน คาดรอใช้ตอนพ้นโทษ
วันที่ 12 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร และสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต. พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ได้นำตัว สมศักดิ์ บุญยืน อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173 หมู่ 14 ต.สระแก้ว อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกำแพงเพชร ที่ จ220/2564 ลงวันที่ 10 ต.ค.2564 ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ ร้านจำหน่ายข้าวสาร สิงห์โตทอง ตึก 7 ห้อง ห้องเลขที่ 2/4 ถนนราษฎร์ร่วมใจ (ติดโรงพยาบาลกำแพงเพชร ) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร หลังก่อเหตุบุกเดี่ยวเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สิน เป็นเงินสดไปได้จำนวน 550,000 บาท
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561 เวลา 20.40 น. ได้มีคนร้ายเข้าไปก่อเหตุงัดแงะประตูข้างตึกห้องครัวเข้าไปที่โต๊ะบัญชีในห้องทำงานและโต๊ะบัญชีที่อยู่หน้าร้านโดยคนร้ายสามารถ กวาดทรัพย์สินซึ่งเป็นเงินสดที่เก็บไว้ในลิ้นชักทั้ง 2 แห่งได้ธนบัตรรวมแล้วจำนวน 550,000 บาท ก่อนที่จะหลบหนีหายไป
ซึ่งขณะที่คนร้ายก่อเหตุ นางกมลพรรณ สุนทรยิ้ม อายุ 64 ได้นอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้องใกล้กับห้องบัญชี ซึ่งร้านข้าวสารดังกล่าวนั้นเป็นร้านจำหน่ายข้าวสารตราสิงห์โตทอง ของนายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกำแพงเพชร มียอดจำหน่ายวันละหลายแสนบาทโดยมีนางกมลพรรณแม่ยายเป็นผู้ดูแลกิจการของร้านแห่งนี้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ พล.ต.ต. พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ได้รับคำสั่งโยกย้ายมารับตำแหน่งได้เพียงไม่กี่วัน จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วัชรเกียรติ ศิริวิมลฤทธิ์ ผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร พ.ต.อ.ปฏิภาณ ประภัสสรผกก.กก.สส.ภ.จว.กำแพงเพชร พ.ต.ท.เทวินทร์ นาจารย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกำแพงเพชร พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ถาบุญชู รอง ผกก.กก.สส.ภ.จว.กำแพงเพชร พ.ต.ท.พิษณุ แก้วขัน สว.สส.สภ.เมืองกำแพงเพชร
ตั้งทีมไล่ล่าติดตามหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้ ซึ่งในที่สุดก็พบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดผู้ต้องหาเดินมาก่อเหตุ และนำไปสู่หลักฐานที่พักในรีสอร์ทแห่งหนึ่งของผู้ต้องหาที่ไปเปิดเช่า และหลังจากก่อเหตุแล้วได้ไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ 1 เครื่อง ก่อนที่ผู้ต้องหาจะเดินทางออกจากกำแพงเพชรในวันถัดไปคือเช้าวันที่ 6 ตุลาคม 2564
ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็สามารถแกะรอยไปสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต จนถึงปลายทางคือจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องหาเอง ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ถาบุญชู รอง ผกก.สืบสวนฯพร้อมชุด ตร.กก.สืบสวน ภ.จว.กำแพงเพชร-จนท.ตร. สภ.เมืองกำแพงเพชร
จนท.ตร. กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.6 โดยนำหมายศาลจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว ไปจับได้ที่ห้างบิ๊กซี จังหวัดสระแก้ว โดยตั้งข้อหากระทำผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์”
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า หลังจากพ้นโทษเรือนจำกลางกำแพงเพชรแล้ว ไม่มีรถเดินทางกลับจังหวัดสระแก้ว จึงได้ไปเปิดรีสอร์ทอยู่หลังจากนั้นก็ออกมาตระเวนหาเหยื่อเนื่องจากไม่มีเงินติดตัว และเมื่อพบร้านข้าวสารดังกล่าวก็ลงมือเข้าไปก่อเหตุทันที และหลังจากได้ทรัพย์สินแล้ว ก็เดินทางกลับจังหวัดสระแก้ว
โดยนำเงินสด 1 ไปซื้อรถจักรยานยนต์ 1 คันและเสื้อผ้าพร้อมกับเที่ยวพร้อมกับเที่ยวเตร่ แต่ยังคงปากแข็งไม่ยอมรับสารภาพว่านำเงินทั้งหมดไปซุกซ่อนไว้ที่ไหน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ติดตามตืนมาได้แค่เพียง 90,000 บาท และผู้ต้งหายังคงให้การว่า
ไม่เคยตรวจนับจำนวนเงินว่าจะนำไปได้เท่าไหร่ และใช้ไปเท่าไหร่ ซึ่งผิดปกติของปถุชนทั่วไป จึงคาดว่าผู้ต้องหานั้นแอบซ่อนเงินไว้ เพราะรู้ว่าโทษน้อย เมื่อพ้นโทษแล้วก็จะกลับไปใช้ให้เปรมปรีดิ์อีกครั้ง
หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จแล้ว ร.ต.อ.อดุลย์ รัตนวรกันต์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร ได้นำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับประวัตินายสมศักดิ์ บุญยืน ต้องโทษหลายคดีโดยเฉพาะคดีลักทรัพย์ก่อเหตุถูกขังต้องโทษที่เรือนจำจังหวัดสระบุรี เรือนจำจังหวัดสระแก้ว เรือนจำอำเภอสีคิ้ว และล่าสุดเรือนจำกลางกำแพงเพชร โดยรวมติดคุกในคดีต่างๆเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ 2558 ก่อเหตุจนถึง พ.ศ 2564 ซึ่งหลังจากพ้นโทษที่เรือนจำจังหวัดกำแพงเพชร ไม่หลาบจำก็ก่อเหตุทันทีและในที่สุดก็หนีไปไม่พ้นมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องกลับเข้าไปรับโทษในเรือนจำอีกครั้ง