mou ขับเคลื่อน โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน วังแขม
ความหวังโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ตามนโยบายรัฐบาล เริ่มส่องประกายเจิดจร้า เมื่อ อบต.วังแขม กับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ลงนามขับเคลื่อนกันอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
วันที่ 11 มิถุนายน 2563 ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลวังแขม อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร บริษัทบีบีจีไอจำกัด(มหาชน) (กลุ่มบางจาก) และ วิสาหกิจชุมชนพลังสีเขียวตำบลวังแขม ลงนามร่วมมือโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้หญ้า เนเปียร์ เป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้า โดยมีเครือข่ายประชาชนจำนวน 200 ราย มีพื้นที่ในการปลูกหญ้าเนเปียร์กว่า 5,000 ไร่ สามารถสร้างเศรษฐกิจ ทดแทนการปลูกแผ่นพืชเชิงเดี่ยว นาข้าวและอ้อย ที่ทำอยู่แล้วมีแต่ขาดทุน นับเป็นความหวังของเกษตรกร หากบางจากสามารถผลักดันให้เกิดโครงการนี้ได้สำเร็จนายชัยวัฒน์ พันธ์วิทยากูล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังแขม เปิดเผยว่า เป็นวันสำคัญของตำบลวังแขม ที่ได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือ อบต.วังแขม พร้อมด้วย เศรษฐกิจชุมชนฐานรากตำบลบางแขม บริษัทบีบีจีไอจำกัด(มหาชน)(กลุ่มบางจาก) และวิสาหกิจชุมชนพลังสีเขียวตำบลวังแขม เพื่อจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนในระดับตำบล ซึ่งจะเป็นแห่งแรกของจังหวัดกำแพงเพชร ทั้งนี้โรงงานไฟฟ้าชุมชนที่จะเกิดขึ้น จะใช้พืชเนเปียร์เป็นวัตถุดิบในการสร้างพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญ้าเนเปียร์ เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญปลูกง่ายโตเร็วนอกเหนือจากนี้ เป็นแนวทางที่จะทำให้เกษตรกรเป็นทางเลือกเพื่อความอยู่รอด เปลี่ยนชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ที่เคยปลูกพืชเชิงเดี่ยว ซึ่งหญ้าเนเปียร์นั้นจะถูกนำไปหมักและเกิดก๊าซพลังงานไฟฟ้าขึ้นมา ส่วนหนึ่งจะสามารถสร้างรายได้สู่ชุมชน และองค์การบริหารส่วนตำบลวังแขม เป็นหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในพื้นที่ตำบลวังแขม สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเชื่อว่าจากเกษตรกรที่เคยทำนาแล้วไม่มีรายได้ต้นทุนสูง ปลูกหญ้าเนเปียร์จะมีต้นทุนสูงเพียงครั้งเดียวสามารถอยู่ได้ 7 ปีใน 1 ปี สามารถเก็บเกี่ยวหญ้าเนเปียร์ได้ 5-6 ครั้ง สามารถวางแผนได้อย่างยั่งยืน การลงนามในวันนี้เป็นวันสำคัญ สามารถจะทำให้พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมีความมั่นคงในการดำเนินชีวิต สำหรับโครงการนี้มีการเริ่มต้นผ่านมา 3 เดือน และมีความคืบหน้าในการก่อสร้างโรงงาน ด้วยนโยบายรัฐบาล ที่จะส่งเสริมที่จะเกิดโรงงานไฟฟ้าชุมชนในพื้นที่ทั่วประเทศ อบต.วังแขมมีความอุดมสมบูรณ์ในภาคเกษตร มีแหล่งน้ำระบบชลประทาน จึงคิดว่าการลงนามในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และวันนี้ได้นำเสนอแนวทางซึ่งพี่น้องเกษตรกรให้ความร่วมมือร่วมกิจกรรมในโครงการ 200 รายในพื้นที่ 5,000 ไร่ และมีความเชื่อมั่นว่าในระยะเวลา 20 ปีของโรงไฟฟ้าที่กำหนดแผนงานขึ้น เราจะร่วมกันขับเคลื่อนสร้างรายได้ให้พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนนายพงษ์ชัย ชัยจิรวัฒน์ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด(มหาชน) กลุ่มบางจาก เปิดเผยว่า โครงการไฟฟ้าชุมชนถือเป็นโครงการที่ดีของรัฐบาล ในการสร้างงานสร้างรายได้ให้เกษตรกร ในขณะเดียวกันก็เป็นการผลิตไฟฟ้าไปด้วย เริ่มต้นโครงการนี้ถือเป็นการดี ที่เหลือเป็นองค์ประกอบต่อไปก็คือ ทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ เราฐานะบางจาก เราเป็นผู้ลงทุน ในการทำโรงไฟฟ้า เป็นการลงทุนที่ใช้เงินจำนวนมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องหาพาร์ทเนอร์ ที่ดี สิ่งที่เราพบก็คือชุมชนที่นี่เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง เป็นคนมีจิตใจดีงามและพร้อมที่จะช่วยกันนำไปสู่ความสำเร็จ ถือเป็นปัจจัยหลักที่ดีที่สุดชุมชนต้องเข้มแข็งไม่งั้นโรงงานไฟฟ้าอยู่ไม่ได้ เป็นหัวใจหลักไม่ว่าเราจะลงทุนที่ไหน เราตั้งใจมากที่ชุมชนที่ดี หลังจากนั้นถ้าเราสามารถ ได้ทำสัญญาขายไฟกับรัฐบาล สิ่งที่ตามมาก็คือความร่วมมือระหว่างโรงงานไฟฟ้ากับชุมชน จะมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่จะตามมา ความเป็นอยู่ของชุมชนจะดีขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่ย้ำตระหนักอยู่เรื่อยๆก็คือการหา พาร์ทเนอร์ ที่ดีที่ถูกต้องนั้นสำคัญ มันไม่ใช่เฉพาะตอนที่เราเริ่มโครงการ โครงการนี้พูดถึง 20 ปี มันต้องอยู่ร่วมกันไปอีกถึง 20 ปี ความร่วมไม้ร่วมมือความเกรงใจ ตั้งใจที่จะทำด้วยกัน มันเป็นปัจจัยที่สำคัญ ที่เราเลือกพิจารณาที่นี่ แล้วถึงวันนี้ยังไม่พบปัญหา แหล่งน้ำที่นี่ก็อุดมสมบูรณ์ คนในพื้นที่ก็เป็นกัลยาณมิตรที่ดี จะดีใจมากถ้าได้มีโอกาสตั้งโรงงานไฟฟ้าที่นี่ นางทัศนีย์ เชียงสีทอง ประธานวิสาหกิจชุมชนพลังสีเขียวตำบลวังแขม เปิดเผยว่า เราภูมิใจที่บางจากได้พิจารณา สร้างโรงงานไฟฟ้าชุมชนพลังสีเขียว โดยใช้หญ้าเนเปียร์เป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งทางโรงงานหลายๆแห่งได้มาติดต่อ แต่เราเห็นว่าบางจากมีโครงการที่เอื้อต่อประชาชนบำรุงเศรษฐกิจประชาชน ผลผลิตที่ต่อได้ ให้ความสำคัญกับชุมชนเราจะให้ความร่วมมือ การทำเพื่อพัฒนาชีวิตของชุมชนทางเศรษฐกิจของชุมชนให้ดีขึ้น
จังหวัดกำแพงเพชรมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่สูงไม่มีน้ำท่วมและชุมชนที่นี่พื้นฐานในการปลูกอ้อยมาก่อน หญ้าเนเปียร์เป็นพืชที่โตเร็วมากและก่อนที่จะลงทุน เราได้ศึกษาเราได้ทดลองปลูกกันมาแล้วโดยตัดขายให้ทางอีสาน เราศึกษาผลผลิตต่อไร่สูงแล้วก็เป็นความหวังของชุมชนวังแขม ที่จะได้พัฒนาชีวิต หญ้าเนเปียร์เริ่มปลูกครั้งแรกประมาณ 4 เดือนหลังจาก 4 เดือนแล้ว 2 เดือนตัดได้ โตเร็วมากและผลผลิตต่อไร่ไม่ต่ำกว่า 7 ตัน ได้ตกลงซื้อขายกันครั้งแรกในราคาตันละ 500 บาท ด้วยการทำสัญญา 20 ปี ซึ่งถือว่าผลผลิตต่อไร่ถือว่าคุ้มค่า ขณะนี้มีผู้สนใจลงนามร่วมมือจำนวน 200 กว่าคน มีพื้นที่ขนาดนี้พี่จะปลูก 5,000 ไร่ และได้พาไปดูงานที่แปลงปลูก ของจริงมาแล้ว คิดว่าถ้าบางจากผลักดัน ให้เกิดโครงการนี้เรามีความหวังว่าจะมากกว่า 5,000 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่เข้าโครงการเป็นเกษตรกรปลูกอ้อยซึ่งทำมา 20 ปีก็ยังคงขาดทุนอยู่นอกจากนี้ก็ยังมีเกษตรกรนาข้าวที่เข้าร่วมโครงการกับเรา