เอาจริง เกษตรไร่อ้อย กำแพงฯ ปฏิญาณท่องคาถาหยุดเผาอ้อยลดฝุ่น PM 2.5
ชาวไร่อ้อยจังหวัดกำแพงเพชรท่องคาถา โสนามะยักโข คาถาหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ชีวิตมีความสุข หยุดการเผาอ้อย ลดมลภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 ให้กลับจังหวัดกำแพงเพชร ส่วน“เกษตรกรดีเด่น สาขาทำไร่” สาธิตการทำไร่อ้อย 11 ฐาน ได้อ้อยงามคุณภาพราคาดี และการกำจัดใบอ้อย โดยรัฐต้องส่งเสริมโรงไฟฟ้าชีวมวล ในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อรองรับใบอ้อยไปเป็นพลังงานจังหวัดกำแพงเพชรมีความเข้มข้น ในการรณรงค์ลดปัญหาหมอกฝุ่นควัน PM 2.5 ที่เกิดขึ้นจากการเผาวัชพืชโดยเฉพาะการเผาใบอ้อยในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว กระจายอยู่ตามพื้นที่เพาะปลูกอ้อย ซึ่งบางวันสีแดงกระทบต่อสุขภาพประชาชน เกี่ยวกับการจัดการปัญหานี้ พื้นที่ Hot spot อำเภอคลองขลุงจังหวัดกำแพงเพชร ได้จัดงานรณรงค์ใช้เทคโนโลยีหยุดการเผาในไร่อ้อย ปี 2563 ขึ้นที่ บริเวณบ้านของ นายชัยยศ ตั้งนิยม ซึ่งเป็น “เกษตรกรดีเด่น สาขาทำไร่” เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญประจำปีนี้ พี่บ้านเลขที่ 137 บ้านวังยางหมู่ที่ 1 ตำบลวังยาง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชรโดยมี นางสุพัตรา คล้ายทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นายสมยศ มโนวงศ์ เกษตรจังหวัดกำแพงเพชร นายปรารภ คันธวัน เกษตรอำเภอคลองขลุง นายสุนทร รัตนากร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร นายพรศักดิ์ ตันติพูนผล เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติปี 2561 สาขาอาชีพทำไร่ ตัวแทนผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลนครเพชร บริษัท เอฟดีกรีนประเทศไทย จำกัด และ บริษัทประไพรวรรณกุล รับซื้อใบอ้อยส่งแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าชีวมวล สาธารณสุขอำเภอคลองขลุงและเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรคลองขลุง ได้เปิดเวทีเสวนาแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยน ปัญหาการเผาอ้อย รวมทั้งข้อกฎหมายต่างๆ และผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการเผาอ้อย และสุขภาพของประชาชน ข้อสรุปในที่ประชุมเสวนาในครั้งนี้ มีประเด็นสำคัญหลักๆคือการเผาอ้อย ซึ่งง่ายและสะดวกต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต เนื่องจากขาดแรงงาน และเจ้าของไร่บางรายเป็นรายย่อย ที่ไม่มีกำลังความสามารถจะใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ ได้ เนื่องจากต้นทุนที่ต่างกัน นอกจากนี้การกำจัดใบอ้อยยังมีต้นทุนที่สูง ราคารับซื้อใบอ้อยในจังหวัดกำแพงเพชรยังไม่แพร่หลาย เนื่องจากยังขาดแหล่งรองรับนั่นก็คือโรงงานไฟฟ้าชีวมวล ที่จะสามารถรับซื้อใบอ้อยไปเป็นพลังงานได้ ซึ่งต้องอาศัยกลไกของภาครัฐในการส่งเสริมให้เกิดพลังงานไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรส่วนผลเสียของการเผาใบอ้อยนั้น เกษตรกรที่รู้ดีว่า กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังมีผลต่อคุณภาพความหวานน้ำตาลของอ้อย ที่ลดลง และยังถูกปรับราคาให้ถูกลงไปอีก ซึ่งต่อไปมาตรการในการรับซื้อก็จะคงเข้มข้นจนไม่สามารถที่จะเผาอ้อยต่อไปได้ การปรับเปลี่ยนการทำไร่อ้อยก็จะเข้าสู่การใช้เครื่องจักรเข้ามาแทนที่แรงงานที่ปัจจุบันหาแทบไม่ได้แล้วนอกจากนี้การเผาใบอ้อยยังส่งความสูญเสียไปถึงธาตุอินทรีย์ในดิน ทำให้ในแต่ละปีจะต้องใช้ต้นทุนปุ๋ยจำนวนมากเพื่อปรับดินให้มีคุณภาพขึ้น ฉะนั้นเกษตรกรแม้จะไม่ต้องการเผาใบอ้อย แต่ก็ยังคงมีความจำเป็นซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ จะต้องมีการหารือและแนวทางการช่วยเหลือจากโรงงานผู้ผลิตน้ำตาลและหน่วยงานภาครัฐ ในด้านเครื่องจักรเครื่องใช้ต่างๆเกี่ยวกับการทำเกษตรไร่อ้อย นอกจากนี้ผู้ที่ร่วมโครงการประมาณ 300 คนที่มีทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเกษตรกรชาวไร่อ้อย ได้ร่วมกันชมแปลงสาธิตการปลูกอ้อย ของนายชัยยศ ตั้งนิยม ซึ่งเป็น“เกษตรกรดีเด่น สาขาทำไร่” โดยสาธิตการใช้ฟิวเตอร์เค็ก ปรับปรุงบำรุงดินและไถระเบิดดินดาน ซึ่งฟิวเตอร์เค้กดังกล่าวนั้น มีธาตุที่เป็นประโยชน์ในการบำรุงดินชนิดน้ำ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหลือใช้จากโรงงานโดยบริษัท เอฟดีกรีน ประเทศไทยจำกัด โดยฉีดไปที่ใบอ้อยหลังจากตัดแล้ว จุลินทรีย์ก็จะช่วยย่อยสลายใบอ้อย โดยไม่ต้องเผาใบอ้อยทิ้ง การวางแผนการปลูกอ้อยให้เหมาะสมกับการใช้รถตัดอ้อย สาธิตการใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลเพื่อลดการเผาอ้อย เช่นรถตัดอ้อย กระเช้าอุ้มอ้อย ผานไถกลบใบอ้อยในอ้อยตอ โรตารี่ปั่นกับใบอ้อยที่จะปลูกใหม่ เครื่องกวาดใบอ้อย เครื่องอัดใบอ้อยนายสมยศมโนวงศ์ เกษตรจังหวัดกำแพงเพชรเปิดเผยว่าพื้นที่ Hot spot จังหวัดกำแพงเพชรเขตอำเภอเมือง เขตอำเภอคลองขลุง ในเขตอำเภอเมืองจะมีการเผาวัชพืชจากการทำนาข้าว ส่วนเขตอำเภอคลองขลุงเป็นพื้นที่ปลูกอ้อย กิจกรรมในการรณรงค์ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อหยุดการเผาใบอ้อยเพื่อลดปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ก็พยายามที่จะช่วยกันหลายๆด้านเพื่อร่วมกันลดปัญหานี้ นำของเหลือใช้วัสดุทางการเกษตร ไปเป็นอินทรีย์วัตถุ เป็นปุ๋ยทางการเกษตร เป็นการประหยัดในการใช้ปุ๋ย ลดการเผาพื้นที่โล่งทางการเกษตร ที่เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เกิด PM 2.5ซึ่งทางหน่วยงานราชการ รวมทั้งเกษตรกรรณรงค์มาโดยตลอด เรามีการสร้างความเข้าใจกับชาวบ้าน เรามีการประชุมมีการอบรมและให้หลักสูตรทุกอำเภอเหมือนกันหมด ในการลดการเผาในพื้นที่เกษตร ก็เป็นที่ยอมรับว่ายังคงมีการเผาเนื่องจากเป็นพื้นที่กว้างมีพื้นที่ไร่อ้อยกว่า 8 แสน ไร่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากจังหวัดกาญจนบุรี นายปรารภ คันธวัน เกษตรอำเภอคลองขลุงเปิดเผย กระบวนการในการเพาะปลูกนอกจากนี้ยังต้องเกี่ยวข้องยึดโยงเอากับกระบวนการในเรื่องการสนับสนุนจากโรงงานเช่นรถตัด ส่วนใบอ้อยที่ตกค้างยังคงขาดแหล่งรองรับใบอ้อย หมายถึงโรงงานที่ต้องการเชื้อเพลิงจากใบอ้อยไปเป็นการผลิตเช่นโรงงานชีวมวลจะต้องส่งเสริมให้เกิดโรงไฟฟ้าดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ด้านเครื่องจักรให้การสนับสนุนกับชาวไร่อ้อยรายย่อย และทางโรงงานน้ำตาลจะเพิ่มเครื่องจักร รถตัดอ้อย ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร มีมากกว่า 350 คัน แต่ยังคงไม่เพียงพอต่อพื้นที่ทั้งหมด 8 แสนกว่าไร่ของจังหวัดกำแพงเพชรนายชัยยศตั้งนิยม “เกษตรกรดีเด่น สาขาทำไร่” เจ้าของไร่อ้อยเปิดเผยว่า ในนามเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ให้มารณรงค์การไม่เผาอ้อยในที่อำเภอคลองขลุงเพราะจุด Hotspot อยู่ที่อำเภอคลองขลุง ได้เตรียมแปลงสาธิตการเก็บเกี่ยวการปลูกอ้อยทั้งหมดสาธิต 11 ฐานและเครื่องจักรในการเพาะปลูกอ้อย ทั้งนี้ใบอ้อย 1 ไร่จะมีประมาณ 1 ตันกว่า ถ้าเปรียบเสมือนปุ๋ยยูเรียที่จะใช้ในไร่อ้อยก็จะตก70 กว่ากิโลต่อ 1 ไร่ สิ่งสำคัญที่ชนะเลิศเกษตรกรดีเด่น ก็คือการเตรียมดิน การใช้ดิน ในการเตรียมดิน เพราะเกษตรกรที่ผ่านมา 30 -40 ปี มีการเผาและหน้าดินเสียผมจึงเป็นคนแรกที่นำของเหลือทิ้งจากโรงงานมาทำเป็นปุ๋ย เอามาใส่ในไร่ วันนี้มีความมั่นใจว่าสามารถพาเกษตรกรไปสู่ความสำเร็จ และมั่นคงมีอาชีพที่ทำกินง่ายขึ้น จึงอยากจะฝากเกษตรกรได้ช่วยเล็งเห็นตรงนี้ว่าการที่ดินเสียหมดแล้ว ก็จะทำมาหากินยาก และเราไม่มีอะไรจะเติมให้ดิน ยกเว้นฟิวเตอร์เค้ก เราจะไปซื้อขี้ไก่มาใส่ก็ไม่ได้เพราะต้นทุนมันสูง การเผาอ้อยคือราคาอ้อยจะถูกจะถูกหักค่าไฟไหม้ 30 บาท อ้อยเผาใบจะได้รับจากการช่วยภาครัฐ 1 ตันอ้อยไม่เกิน 903 บาท ถ้าใช้รถตัดอ้อยสดก็จะได้ประมาณ 1,043 บาท เป็นข้อดีในเรื่องรายได้ และสภาพแวดล้อมก็ไม่ได้รับผลกระทบ อินทรีย์วัตถุหน้าดินก็ไม่เสีย ใบอ้อยนั้นมีข้อ 2 อย่าง 1 มันสามารถคลุมหน้าดินเก็บความชื้นและบดบังความเจริญเติบโตของวัชพืชได้ท้ายสุดชาวไร่อ้อยจังหวัดกำแพงเพชร ได้ร่วมกันปฏิญาณ ท่องคาถา โสนามะยักโข 3 ครั้ง เป็นคาถาหลวงพ่อปานวัดบางนมโค แปลความได้ว่า ชีวิตมีความสุข หยุดการเผาอ้อย