เลขา ปปท.ควง ประธาน อคส.ไขกุญแจ 3 ดอกเข้าโกดัง ติดตามคดีกองข้าวผิดชนิด
เลขา ปปท พร้อม ประธาน อคส.ได้นำคณะเข้าตรวจสอบกรณีข้าวเสื่อม ข้าวผิดชนิด ที่ตกหล่นจากการตรวจสอบ และได้ดำเนินการแจ้งความกับผู้เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแถลงข่าวคดีเจ้าหน้าที่รัฐเอียวทุตจริตจำนำข้าว ณ คลังสิงห์โตทองฯ
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 เวลา 13.00 น. ที่โกดังเช่าคลังสินค้าบริษัทสิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น ม.2 ต.ธำมรงค์ อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.) พร้อมคณะฯ และ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานองค์การคลังสินค้า (ประธาน อคส.) พร้อมคณะ และคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล (ป.ป.ท.) และคณะ ได้ร่วมตรวจสอบคลังสินค้าสัญญาเช่าเก็บข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าว อาคารคลังสินค้าสิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอร์เรชั่น หลัง A1 ซึ่งเก็บข้าวโครงการรับจำนำ ปี 2554/55 และ 2555/56 ซึ่งตรวจสอบพบว่า มีข้าวผิดชนิดมีการกองกระสอบข้าวเหนียวล้อมรอบกองกระสอบข้าวเจ้า ซึ่งโกดังดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ของรัฐล็อคกุญแจถึง 3 ดอก และเป็นผู้เก็บรักษา ลูกกุญแจ โกดังเก็บข้าวสารนั้นเป็นสัญญาเช่าคลัง ทางบริษัทไม่มีส่วนร่วมต้องรับผิดชอบความเสียหายแต่อย่างใด ซึ่งทาง อคส.ได้มาเช่าคลังสินค้าของบริษัทสิงโตทองฯเก็บข้าวสารของภาครัฐไว้ แต่กับปล่อยปละละเลยไม่แจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง หลังตรวจสอบแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่ไว้ พร้อมกับเปลี่ยนแม่กุญแจใหม่ทั้งหมด เพื่อรอการตรวจสอบว่าเหตุถึงไม่แจ้งความ
นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า การตรวจสอบครั้งนี้วันนี้มาเพื่อดูปัญหาอุปสรรค เพื่อเป็นการหาทางแก้ปัญหาเดิมและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยโครงการรับจำนำข้าวถือเป็นโครงการสำคัญถูกตรวจสอบเป็นคดีความ ขณะนี้มีสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องเพิ่มจาก 937 สำนวน เป็น 990 สำนวน และยังมีคดีรอรับเพิ่มจากตำรวจอีก 9 สำนวน จะแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหาภายในเดือนมิถุนายนนี้ และได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ปปท.ได้ตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมดด้าน พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการ อคส.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตรวจโกดังบริษัท สิงห์โตทองฯ ว่าโกดังดังกล่าวเคยถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการตรวจสอบข้าวชุดของม.ล.ปนัดดา ดิศกุล เมื่อปี 2557 โดยตรวจพบว่ามีการนำข้าวขาวมาล้อมกองข้าวเหนียว จากการตรวจสอบ อคส.ได้แจ้งความไปแล้วกว่า 700 สำนวน มีเพียงโกดังดังกล่าวที่เจ้าหน้าที่ทราบข้อเท็จจริง แต่ไม่ยอมเข้าแจ้งความดำเนินคดี วานนี้(31 พ.ค.)จึงได้มอบฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความที่กองปราบฯ หลังจากนี้จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีอาญาทุกรายเมื่อแจ้งความเสร็จเรียบร้อย ก็ลงพื้นที่พร้อม ปปท.เพื่อดูข้อเท็จจริงเพื่อเป็นข้อมูลในการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป มูลค่าความเสียหายประมาณ 223 ล้านบาท ซึ่งต้องมีการตรวจสอบว่า ใครบกพร่องก็ว่ากันตามระเบียบต่อไป