“We Love & Share” “หัวใจแห่งการแบ่งปัน” ไทยซัมซุง
วันที่ 24 สิงหาคม 2559 เวลา 8.30 น.ที่โรงเรียนชุมชนบ้านคลองลาน ต.คลองลานพัฒนา และที่โรงเรียนอนุบาลคลองลาน ต.คลองน้ำไหล อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร บริษัท ไทยซัมซุงประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ นำโดยนางจิดาภา ตั้งมงคลกิจการ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ไทยซัมซุงประกันชีวิต ร่วมด้วย ดร. บัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ และดร.ศิลา ซอง Representaive Korea Food For The Hungry lntemational Foundation Thailand พร้อม องค์การ Korea Food For The Hungry lntemational นายอนันต์ ผลอำนวย อดีต ส.ส.จังหวัดกำแพงเพชร นายบุญธรรม ทองพิจิตร นายอำเภอคลองลาน พ.ต.อ.ไพโรจน์ บุญยะภาส ผกก.สภ.คลองลาน นายไชยยุทธ สุโชดายน ประธานกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านคลองลาน นายพายัพ ฟุ้งธีรกุล ผอ.โรงเรียนอนุบาลคลองลาน นายเฉลิม ทองหาญ ผอ.โรงเรียนชุมชนบ้านคลองลาน ผู้นำท้องที่ คณะครู และสมาชิกจิตรอาสา ได้ร่วมกันส่งมอบห้องคอมพิวเตอร์ ชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำนวน 30 ชุด พร้อมโต๊ะ เก้าอี้ โปรเจ็คเตอร์ เครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ให้สถานศึกษาที่มีความขาดแคลนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ในโครงการ “ไทยซัมซุงประกันชีวิต เพื่อน้องได้เรียน ปีที่5 Thai Samsung Life Insurance For Children to Learn 2 แห่งคือช่วงเช้าที่ โรงเรียนชุมชนบ้านคลองลาน ต.คลองลานพัฒนา และช่วงบ่ายที่โรงเรียนอนุบาลคลองลาน ต.คลองน้ำไหล อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร” เพื่อเพิ่มโอกาสให้เด็กๆได้เรียนรู้ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้นและเรียนรู้แหล่งข้อมูลข่าวสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว โดยมี ดร.ศิลา ซอง และดร. บัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงความร่วมมือในโครงการ นายพายัพ ฟุ้งธีรกุล ผอ.โรงเรียนอนุบาลคลองลาน นายเฉลิม ทองหาญ ผอ.โรงเรียนชุมชนบ้านคลองลาน พร้อมคณะกรรมการสถานศึกษา รับมอบคอมพิวเตอร์นางจิดาภา ตั้งมงคลกิจการ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ไทยซัมซุงประกันชีวิต กล่าวว่า “โครงการไทยซัมซุงประกันชีวิต เพื่อน้องได้เรียน ถือเป็นหนึ่งในโครงการเพื่อตอบแทนสังคมไทย ของไทยซัมซุงประกันชีวิต โดย มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนไทยในด้านการศึกษาให้เด็กๆ ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารผ่านการใช้เทคโนโลยีได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ทั้งนี้ ประเทศไทยได้เป็นหนึ่งในสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งสร้างและพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนไทยให้มีความรู้ความสามารถในตลาดที่มีการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นสำหรับโครงการฯนี้ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงาน KFHI ในการคัดเลือกโรงเรียนที่มีศักยภาพ มีความพร้อม ที่จะพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้นำทางด้านวิชาการ และสามารถที่จะแข่งขันกับนานาประเทศได้ด้วยสำหรับโครงการไทยซัมซุงประกันชีวิต เพื่อน้องได้เรียน นี้ได้ดำเนินมาจนถึงปีสุดท้าย รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 5 ปี สำหรับ4ปีที่ผ่านมา ได้ส่งมอบห้องคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียน 39 แห่ง โดยมอบคอมพิวเตอร์จำนวนโรงเรียนละ 30 เครื่อง พร้อมโต๊ะ เก้าอี้ โปรเจ็คเตอร์ เครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์การเรียนต่างๆนางจิดาภา ตั้งมงคลกิจการ กล่าวอีกว่า โดยปีที่ 5 นี้ จะมอบให้โรงเรียนอีก 10 แห่ง ในพื้นที่ จ. กำแพงเพชร 2 โรงเรียน ในวันนี้ จ.ปทุมธานี จำนวน 2 โรงเรียน จ.อุดรธานี จำนวน 4 โรงเรียนและ จ. นครสวรรค์ จำนวน 2 โรงเรียน รวมส่งมอบห้องคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียน 49 โรงเรียน รวมคอมพิวเตอร์จำนวนกว่า 1,500 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ และ กิจกรรมจิตอาสา ด้วยงบประมาณทั้งสิ้น 2,000 ล้านวอน หรือกว่า 60 ล้านบาท และ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการสร้างพลังจิตอาสาให้กับพนักงานของเรา ภายใต้คำขวัญที่ว่า “We Love & Share” แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “หัวใจแห่งการแบ่งปัน” ผ่านการดำเนินโครงการตอบแทนสังคมในหลายๆ โครงการด้วยกันดร. บัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาทางภาครัฐได้มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการรองรับการเตรียมความพร้อมของระบบการศึกษาไทยในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมทั้งด้านความพร้อมของอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงตัวนักเรียน เพื่อให้มีศักยภาพที่พร้อมสำหรับการแข่งขันที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต ซึ่งการมอบคอมพิวเตอร์ในโครงการไทยซัมซุงประกันชีวิต เพื่อน้องได้เรียน จะสามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลจากทั่วทุกมุมโลกรวมทั้งสามารถลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทาง การศึกษาระหว่างเด็กและเยาวชนที่อยู่ในเมืองกับเด็กและเยาวชนในพื้นที่ชนบทได้อีกทางหนึ่ง”ด้าน นายบุญธรรม ทองพิจิตร นายอำเภอคลองลาน กล่าวขอบคุณแทนสถานศึกษา ที่บริษัท ไทยซัมซุง ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รวมถึงผู้ที่มีส่วนผลักดันให้เกิดการดำเนินโครงการฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการช่วยเหลือให้เด็ก และเยาวชนที่ได้รับโอกาสด้านการศึกษาอย่างเท่าเทียมและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้ ความสามารถทัดเทียมกับนานาประเทศและใช้ความรู้ความสามารถเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคมต่อไป ซึ่งหวังว่าคงจะดำเนินการโครงการแบบนี้ต่อยอดไปอีก
ในปีต่อๆ ไป