รวบขี้เมา ทุบตู้บริจาค วิหารหลวงพ่อสามสมัยลานกระบือ

วันที่ 3 มิถุนายน 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.พิสิทธิ์ นาคสุก ผู้กำกับการ สภ.ลานกระบือ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธนะชัย เหลืองเพชรรัตน์ สารวัตรสืบสวน สภ.ลานกระบือ และร.ต.อ.สุวรรณ แก้วแท้ รองสารวัตรสืบสวน สภ.ลานกระบือพร้อมชุดสืบสวนนำตัวนายสมนึก ทองทา อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 52/4 หมู่ที่ 4 ต.หนองกุลา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งเช่าห้องพักที่ โรงแรมโรสเฮ้าท์ ต.ลานกระบือ อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร  ผู้ต้องหาทุบตู้บริจาคเงินในวิหารหลวงพ่อสามสมัย วัดหนองข่อย  หมู่ที่ 7 ตำบลลานกระบือ อำเภอลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร ได้เงินในตู้ไปประมาณไป 1,800  บาท โดยก่อเหตุกลางวันแสกๆ หายไป โดยเหตุเกิดเมื่อเที่ยงของวันที่ 2 มิถุนายน2559

ต่อมาชุดสืบสวนได้ประสาน พระครูสิริวชิรานุยุทธเจ้าอาวาสวัดหนองข่อยตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า คนร้ายที่เข้ามาทุบตู้ใส่เงินบริจาค เป็นชายใส่เสื้อยืดแขนยาว สีเหลือง สวมกางเกงยีนส์ขายาว รูปพรรณตรงกับ ผู้ต้องหาเช่าห้องพักที่ โรงแรมโรสเฮ้าท์ จึงได้เดินทางไปควบคุมตัวมาสอบสวน โดยนายสมนึกฯให้การรับสารภาพว่า เป็นคนร้ายที่เข้าไปทุบตู้บริจาคเงินในวิหารหลวงพ่อสามสมัย วัดหนองข่อย

พ.ต.ท.เสน่ห์ พุ่มพวง พนักงานสอบสวน สบ.3 ได้ควบคุมตัวนายสมนึกไปทำแผนประกอบคำสารภาพที่วัดหนองข่อย นายสมนึกให้การว่า ตนติดสุราต้องการเงินซื้อเหล้า ช่วงเวลาเกิดเหตุได้เดินเข้าไปที่วัดหนองข่อย จากนั้นได้เดินเข้าไปในวิหารหลวงพ่อสามสมัย จุดธูปเทียนกราบพระ ก็เหลือบเห็นเงินในตู้บริจาคจำนวนมาก จึงได้ตัดสินใจยกเอาตู้รับเงินบริจาคไปด้านหลังพระพุทธรูปแล้วใช้มือทุบกระจกตู้แตกแล้วล้วงเอาเงินในตู้ไปประมาณ 1,800 บาท ใช้เวลา 3 นาที ก่อนจะเดินออกมายกมือไหว้รูปหล่อหลวงพ่อสามสมัยเดินออกจากวัด  หลังจากนั้นไปเปิดห้องพัก นำไปใช้จ่าย เป็นค่าอาหาร เครื่องดื่ม ค่าที่พัก เหลือเงินในตัวนายสมนึกฯจำนวน 600 บาท

ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายสมนึกได้เข้าไปกราบขมาพระครูสิริวชิรานุยุทธเจ้าอาวาสวัดหนองข่อย ซึ่งทางเจ้าอาวาสได้บอกว่า ทางวัดให้อภัยแต่ขอให้นายสมนึกให้กลับตัวกลับใจเป็นคนดีต่อไป จากนั้นได้นำตัวนายสมนึกฯส่ง พนักงานสอบสวนตั้งข้อหา “ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดก็พบว่านายสมนึกได้ก้มกราบหลวงพ่อก่อนที่จะนั่งและก็มองรอบรอบบริเวณพบว่าไม่มีใครก็ได้คลานไปที่ตู้บริจาคแล้วก็ยกหิ้วไปที่ด้านหลังพระพุทธรูปโดยใช้เวลาประมาณ 3 นาทีในการปฏิบัติการทุบตู้บริจาคแล้วนำการออกจากตู้ก่อนที่จะเดินออกมาแล้วก็ยกมือไหว้หลวงพ่อ 1 ครั้งและก็เดินออกไปทางหน้าประตูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวชาวบ้านก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงการไม่เกรงกลัวต่อบาปของผู้ต้องหาที่ติดสุราและคิดสั้นขโมยเงินวัดไปใช้จ่ายโดยไม่เกรงกลัวต่อบาปของผู้ต้องหารายนี้