เพลิงเผากองยางควันตื่นตระหนกทั้งเมืองกำแพงฯ
วันที่ 11 พฤษภาคม 2559 เวลา 15.30 น.เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองกำแพงเพชรได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ และมีควันดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับชาวเมืองในตลาดที่เห็นกลุ่มควันไฟนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้รีบไปยังจุดที่เกิดเหตุไหม้ ขณะเดียวกันก็ได้รับแจ้งจากเจ้าของผู้ประกอบการร้านจรูญการยาง ถนนเจริญสุข ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ว่ากองยางหลังร้านมีไฟกำลังลุกไหม้ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำรถดับเพลิงจำนวนสองคันและได้รับสนับสนุนรถบรรทุกน้ำจากองค์การบริหารส่วนตำบลสระแก้ว รุดไปยังที่เกิดเหตุก็พบว่าจุดเกิดเหตุนั้นอยู่หลังร้านจรูญการยางบริเวณดังกล่าวเป็นที่ว่างเปล่า รอบบริเวณกองยางเป็นทุ่งนาซึ่งอยู่ต่ำกว่าพื้นที่ดินกองยาง 
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ฉีดน้ำไปที่กองเพลิงซึ่งเป็นยางรถเก่าปรากฏว่าต้องใช้น้ำไปจำนวนกว่า 5- 6 คัน จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องจัดการแยกเชื้อไฟและฉีดน้ำจนกว่าไฟกองยางที่ทับถมกันอยู่จะดับมอดสนิท เนื่องจากยางรถยนต์เก่านั้นเป็นเชื้อไฟได้อย่างดี พร้อมไฟลุกขึ้นได้ทุกเมื่อ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุพร้อมกับตรวจสภาพบริเวณที่เกิดเหตุแล้วพบว่าจุดทิ้งกองยาง นั้นอยู่ห่างจากหลังร้านจรูญการยางเกือบ 200 เมตรและเป็นบริเวณที่ว่างเปล่า รอบที่ดินที่ทิ้งกองยางก็ติดทุ่งนาทั้งด้านข้างและด้านทิศเหนือซึ่งกำลังมีการเผาตอซังข้าวกันอยู่และที่ริมถนนด้านทิศเหนือซึ่งติดกับกองยาง นั้นมีเปลวไฟคุกรุ่นกิ่งไม้ต้นหญ้าข้างทางและนาข้าว
หลังจากการสอบสวน ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สันนิษฐานว่าเหตุที่กองยางเก่าของร้านจรูญการยาง ที่เกิดเหตุไฟไหม้ในครั้งนี้ ได้ติดลุกลามมาจากไฟเผาต้นหญ้าข้างทางกับตอซังข้าวในพื้นที่นาติดกับที่เกิดเหตุ แล้วไฟได้ลุกลามมายังกองยาง จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดจึงทำให้ไฟนั้นติดได้ง่าย ซึ่งก่อนหน้านั้นทางเจ้าของร้านจรูญการยางก็ได้เดินมาตรวจสอบ เนื่องจากมีการเผาไหม้ที่บริเวณนาข้าวข้างกองยาง แต่ก็ไม่พบว่าจะมีเหตุลุกลามต่อมาช่วงบ่ายของวันนี้มีกลุ่มควันไฟเกิดขึ้น ไปตรวจสอบแล้วพบว่ามีไฟไหม้ที่กองยางเก่าจึงได้แจ้งดับเพลิง มาสกัดไฟไว้ได้ โดยไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายหรือว่าบาดเจ็บแต่อย่างใด และจุดเกิดเหตุนั้นอยู่ห่างจากชุมชนไม่มีบ้านเรือนราษฎรอาศัยอยู่ จึงเป็นเพียงกลุ่มควันที่ได้สร้างความตระหนกตกใจขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการจุดไฟเผาสิ่งต่างๆ ในเขตเมืองนั้น มีกฎหมายควบคุม และหากพบผู้จุดไฟเผากำจัดขยะมูลฝอย หญ้าหรือสิ่งอันไม่พึงประสงค์ใดๆ ที่นิยมใช้วิธีการใช้เชื้อเพลิงจุดเผาเพราะเป็นวิธีที่ได้ผลอย่างรวดเร็วและและเสียค่าใช้จ่ายน้อย โดยเฉพาะเกษตรกร เมื่อหมดฤดูการเพาะปลูกแล้ว ก็เผาฟางข้าว ต้นหรือซังข้าวโพด หรือเศษไม้ใบหญ้า หรือเปลือกหรือกากของพืช เพื่อเตรียมการทำการเพาะปลูกใหม่ในฤดูกาลต่อไป ซึ่งการกำจัดเศษซากพืชหรือขยะด้วยวิธีนี้ 
นอกจากจะทำให้เกิดปัญหาปัญหาโลกร้อนแล้ว ยังก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญกับเจ้าของที่ดินข้างเคียง เนื่องจากกลุ่มควันและฝุ่นละอองจากขี้เถ้า และยังอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามไปยังที่ดินข้างเคียงอีกด้วย ซึ่งการกระทำเหล่านี้มีกฎหมายอัตราโทษไว้ ตามระดับของความร้ายแรงแห่งการกระทำ หากพบเห็นคนจุดไฟสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือถ่ายภาพ นำมาเป็นหลักฐาน ดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืน จุดไฟเผาขยะ เผาใบไม้ ก่อเกิดเกิดมลพิษเป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ชุมชนได้
